ภายใต้หัวข้อ “ ผลักดันความร่วมมือใต้ – ใต้ เพื่อผลักดันสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลก” คาดว่าการประชุมผู้นำเอเชีย – แอฟริกาครั้งนี้จะอนุมัติเอกสารฉบับต่างๆเพื่อขยายความสัมพันธ์ร่วมมือเอเชีย – แอฟริกาบนพื้นฐานของหลักการที่ได้รับการอนุมัติในการประชุมเอเชีย – แอฟริกาครั้งแรกหรือการประชุมบันดุง นั่นคือการให้สิทธิพิเศษต่อการรักษาสันติภาพ พัฒนาเศรษฐกิจและขยายความร่วมมือ พัฒนาความเชื่อมโยงเอเชีย – แอฟริกาเพื่อประโยชน์ของทั้งสองภูมิภาค สำหรับการประชุมนี้จะมีตัวแทนประเทศและองค์การในแถบเอเชีย แอฟริกาและแขกรับเชิญในทวีปอื่นๆ 109 ประเทศเข้าร่วม ส่วนคณะผู้แทนเวียดนาม นำโดยท่านเจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศจะเข้าร่วมการประชุมนี้

การประชุมผู้นำเอเชีย – แอฟริกาครั้งแรกหรือเอซีซีถูกจัดขึ้นในเมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี 1955 โดยมีผู้นำ 29 ประเทศเอเชีย – แอฟริกาเข้าร่วม ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการความร่วมมือใหม่และถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นตัวของบรรดาประเทศเอเชียและแอฟริกา ที่ประชุมได้อนุมัติหลักการบันดุง 10 ข้อเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆในสองทวีป เช่น ให้ความเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน ไม่แทรกแซงกิจการภายใน แก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีและกฎหมายสากล เป็นต้น การประชุมนี้ได้เป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ของแผนที่ทางการเมืองของโลกเนื่องจากการก่อตั้งประเทศเอกราชใหม่ๆในเอเชียและแอฟริกาและเป็นพื้นฐานให้แก่การเปิดตัวของขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและความร่วมมือใต้ – ใต้ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ในตลอด 60 ปีที่ผ่านมา หลักการเหล่านี้ได้สร้างพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่ระหว่างสองทวีปเอเชียและแอฟริกาเท่านั้น หากยังของประเทศต่างๆในทั่วโลกอีกด้วย

ในฐานะเป็นประเทศหนึ่งจากจำนวน 29 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมบันดุงปี 1955 ซึ่งปัจจุบันคือขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในตลอด 60 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นสมาชิกที่เข้าร่วมภารกิจต่างๆขององค์การนี้อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะเมื่อปี 2005 ท่านเฉิ่นดึ๊กเลือง อดีตประธานประเทศได้นำคณะผู้แทนเวียดนามเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย – แอฟริกาและครบรอบ 50 ปีการจัดการประชุมบันดุง โอกาสนี้ คณะผู้แทนเวียดนามได้มีส่วนร่วมสำคัญต่อการร่างกรอบความร่วมมือใหม่เอเชีย – แอฟริกา ยื่นข้อเสนอความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่างๆ เช่น รูปแบบความร่วมมือสามฝ่าย ฟอรั่มเวียดนาม – แอฟริกา พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความร่วมมือและขยายความสัมพันธ์กับบรรดาประเทศเอเชีย – แอฟริกา ปัจจุบันนี้ เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 52 ประเทศในจำนวนประเทศแอฟริกาทั้งหมด 55 ประเทศ ผู้นำประเทศแอฟริกาหลายท่านได้เดินทางมาเยือนเวียดนาม เช่น โมซัมบิก เบนิน นามิเบีย รวันดาและแทนซาเนีย เป็นต้น เวียดนามยังเป็นประเทศอาเซียนประเทศเดียวที่มีระเบียบการสนทนาระหว่างประเทศเวียดนาม – แอฟริกา โดยจนถึงขณะนี้ได้จัดการสัมมนามาแล้วสองครั้งและได้รับคำชื่นชมจากบรรดาประเทศแอฟริกาว่า ความร่วมมือเวียดนาม – แอฟริกาเป็นตัวอย่างแห่งความร่วมมือใต้ – ใต้

ไม่เพียงแต่ในด้านการเมืองเท่านั้นหากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามกับแอฟริกาก็ได้พัฒนาเป็นที่น่ายินดี เวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับทั้ง 55 ประเทศแอฟริกา ยกระดับมูลค่าการค้าจากต่ำกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2005 ขึ้นเป็น 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2013 มีการปฏิบัติโครงการลงทุนต่างๆในประเทศแถบแอฟริกา เช่น แอลจีเรีย โมร็อกโก โมซัมบิก แคเมอรูน บุรุนดี แทนซาเนียและแองโกลา เป็นต้น รวมยอดเงินทุนกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนามได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร สาธารณสุขและการศึกษาไปทำงานในประเทศต่างๆในแอฟริกาตามข้อตกลงทวิภาคีและพหุภาคี จากผลสำเร็จที่น่ายินดีในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ เวียดนามกำลังมีความได้เปรียบเพื่อมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งมากขึ้นต่อภารกิจการพัฒนาร่วมกันของบรรดาประเทศกำลังพัฒนา

ถ้าหากย้อนมองอดีตแห่งความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับแอฟริกาและระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปแอฟริกาในตลอด 60 ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า นอกจากความได้เปรียบแล้วก็ยังมีความท้าทายต่างๆในระยะใหม่ นั่นคือความซับซ้อนของสถานการณ์โลก แนวโน้มการขยายอิทธิพลของบรรดาประเทศมหาอำนาจ ความไร้เสถียรภาพของสถานการณ์โลกและภูมิภาคซึ่งรวมถึงการแข่งขันด้านยุทธศาสตร์ที่นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้นระหว่างบรรดาประเทศมหาอำนาจ ได้ทำให้เขตตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกายังคงเป็นจุดร้อนของโลกเนื่องจากการปะทะภายในประเทศและการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย

ดังนั้น หัวข้อของการประชุมผู้นำเอเชีย – แอฟริกา 2015 คือ “ ผลักดันความร่วมมือใต้ – ใต้ เพื่อผลักดันสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลก” จึงถือเป็นการยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษต่อการรักษาสันติภาพ พัฒนาเศรษฐกิจและยกย่องหลักการบันดุงเพื่อผลักดันความร่วมมือและความเชื่อมโยงเอเชีย – แอฟริกา เพื่อพัฒนาศักยภาพและเอื้อประโยชน์อย่างจริงจังให้แก่ทั้งสองภูมิภาค การเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ของคณะผู้แทนเวียดนามถือเป็นการยืนยันเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในฐานะเป็นสมาชิกที่เข้มแข็งและมีความรับผิดชอบ./.