นาย หลีเซียนหลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง
|
หลังจากที่ข้อตกลงสันติภาพปารีสได้รับการลงนามเมื่อเดือนมกราคมปี 1973 ในวันที่ 1 สิงหาคมปีเดียวกัน สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามหรือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน โดยเฉพาะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อ 10 ปีก่อนคือในเดือนกันยายนปี 2013
หุ้นส่วนสำคัญชั้นนำของกันในด้านต่างๆ
ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – สิงคโปร์ได้รับการทำนุบำรุงจากผู้นำและประชาชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าของทั้งสองประเทศ โดยการเยือนระหว่างกันของผู้นำระดับสูงต่างสร้างพลังขับเคลื่อนเป็นอย่างมากต่อการเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมือง ขยายและกระชับความร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปัจจุบันนี้ เวียดนามและสิงคโปร์เป็นหุ้นส่วนชั้นนำของกันในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน การทูต ความมั่นคงและกลาโหม ที่น่าสนใจคือ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นเสาหลักและพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในความสัมพันธ์เวียดนาม – สิงคโปร์
ด้วยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าในตลอด 25 ปีที่ผ่านมา จากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 1997 ขึ้นเป็นกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 สิงคโปร์เป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 4 ของเวียดนามในอาเซียน
โดยเฉพาะใน 3 ปีมานี้ สิงคโปร์เป็นหุ้นส่วนลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามอย่างต่อเนื่องในเกือบทุกแผนกและด้านต่างๆ ของเศรษฐกิจเวียดนาม จากการที่มีเขตนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม – สิงคโปร์หรือ VSIP แห่งแรกในจังหวัดบิ่งเยืองเมื่อปี 1996 จนถึงขณะนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่สิงคโปร์มาลงทุนเปิดสาขานิคมอุตสาหกรรมมากที่สุดในโลก คือใน 10 จังหวัดและนคร” ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 1 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีโครงการประมาณ 900 โครงการและสร้างงานทำให้แก่แรงงานเกือบ 300,000 คน นาย หวูเวียดหงวาน นายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม – สิงคโปร์ กล่าวว่า
“เวียดนามและสิงคโปร์ได้มีกรอบการลงทุนร่วม ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ นั่นคือการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรม VSIP ปัจจุบันนี้ ที่เวียดนามมีนิคมอุตสาหกรรม VISP รวม 14 แห่งและกำลังขยายเพิ่มขึ้น นี่คือรูปแบบการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ”
ความผูกพันใกล้ชิดระหว่างสิงคโปร์กับเวียดนาม
การเยือนเวียดนามครั้งนี้คือการเยือนเวียดนามครั้งที่ 5 ของนาย หลีเซียนหลุง ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยครั้งก่อนๆ คือในปี 2004 2010 2013 และ 2017 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและความผูกพันระหว่างสิงคโปร์ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี หลีเซียนหลุง กับเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาตร์ของนายกรัฐมนตรี ลีกวนยู บิดาผู้ล่วงลับของนายกรัฐมนตรี หลีเชียนหลุง และเป็นประเทศหุ้นส่วนพิเศษของสิงคโปร์ในอาเซียน
การเยือนเวียดนามเป็นเวลา 3 วันของนายกรัฐมนตรี หลีเซียนหลุง เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยการเยือนเวียดนามของผู้นำรัฐบาลสิงคโปร์หลังการเยือนสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถึงเป็นการยืนยันเรื่องดังกล่าวและช่วยส่งเสริมศักยภาพความร่วมมือทวิภาคีต่างๆ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจแห่งสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล
นอกจากนี้ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี หลีเซียนหลุง ยังมีส่วนช่วยยกระดับความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศและปฏิบัติข้อตกลงที่ได้ลงนามระหว่างสองประเทศ รวมทั้งมีการลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ เช่น การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน คุณ Jaya Ratnam เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำเวียดนาม กล่าวว่า
“ปี 2023 มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ ซึ่งรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ดังนั้น การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี หลีเซียนหลุง มีขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ นี่คือโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายสรุปผลงานที่ได้บรรลุในเวลาที่ผ่านมา แสวงหาและจัดทำระเบียบวาระความร่วมมือในอนาคต โดยทั้งสองฝ่ายจะพยายามร่วมมือแก้ไขความท้าทายร่วม เช่น การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลหรือการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ”
นายกรัฐมนตรี หลีเซียนหลุง เคยย้ำว่า สิงคโปร์และเวียดนามมีวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ที่คล้ายคลึงกัน มีความไว้วางใจทางการเมืองอยู่ในระดับสูงและมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งโอกาสความร่วมมือในด้านใหม่ๆ ดังนั้น การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนาย หลีเซียนหลุง จะมีส่วนร่วมแปรสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นความจริงมากขึ้นและกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – สิงคโปร์ให้นับวันแน่นแฟ้นมากขึ้น.