ยุทธนาการปลดปล่อยเมืองโมซูล ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสในอิรักเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม โดยทหารอิรักและกองกำลังทหารท้องถิ่นของชาวเคิร์ตนับหมื่นนายได้เข้าร่วมยุทธนาการทางทหารนี้ภายใต้การคุ้มกันของพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในอิรักนับตั้งแต่สหรัฐมีปฏิบัติการแทรกแซงทางทหารในประเทศนี้เมื่อปี 2003
การต่อสู้ที่ดุดเดือด
10 วันที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดยุทธนาการ กองกำลังอิรักได้ขยายการโจมตีปิดล้อมเมืองโมซูล โดยเฉพาะในทิศตะวันออก จนถึงขณะนี้ หมู่บ้านเกือบ 90 แห่งได้รับการปลดปล่อยจากการควบคุมของกลุ่มไอเอส กองทัพอิรักได้ยึดคืนบริเวณเขตชานเมืองในทิศตะวันออกของเมืองโมซูล และได้ประชิดเข้าใกล้เมืองนี้ประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น มือปืนของชาวเคิร์ตได้เปิดการโจมตีจากทิศตะวันออกภาคเหนือใน ขณะที่กองกำลังกึ่งทหาร รวมทั้งมือปืนชาวชีอะห์กำลังผลักดันการโจมตีจากทิศตะวันตก โดยมีหน้าที่หลักคือขัดขวางนักรบของกลุ่มไอเอสหลบหนีไปยังซีเซีย ตลอดจนปิดล้อมโดดเดี่ยวเมืองโมซูล
ขณะนี้ มีหมู่บ้านและตัวเมืองเกือบ 90 แห่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มไอเอสใกล้เมืองโมซูลได้รับการปลดปล่อยแล้ว คาดว่า ปัจจุบัน มีนักรบของกลุ่มไอเอสประมาณ 4 พันถึง 8 พันคนกำลังยึดหลักต่อสู้ในเมืองโมซูล
การยึดคืนเมืองโมซูลคือเป้าหมายยุทธศาสตร์ในยุทธนาการต่อต้านกลุ่มไอเอส และเป็นความพยายามที่ทางการสหรัฐชุดปัจจุบันกำลังเร่งเสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยใหม่ นอกจากนี้ ชัยชนะของกองทัพอิรักและกองกำลังชาวเคิร์ตภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐจะช่วยเสริมสร้างอำนาจของนายกรัฐมนตรีอิรัก ไฮเดอร์ อัล อาบาดี ที่กำลังต้องเผชิญกับการคัดค้านจากกลุ่มชาวสุหนี่ในรัฐสภาและกองกำลังชาวชีอะห์ที่กำลังหาทางลดอำนาจและศักยาภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ชัยชนะในเมืองโมซูลยังอาจจะเปิดทางให้แก่ระยะแห่งเสถียรภาพใหม่ในอิรักหลังจากเกิดการปะทะมาเป็นเวลาหลายปี

ผู้เคราะห์ร้ายคือประชาชนผู้บริสุทธิ์
เมืองโมซูลถือเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าหากเสียฐานมั่นสุดท้ายนี้ในอิรัก ความฝันเกี่ยวกับ “อาณาจักรอิสลาม” ของกลุ่มไอเอสจะยุติลง ดังนั้นกลุ่มไอเอสจึงเดินหน้าใช้มาตรการตอบโต้ที่เหี้ยมหดรุนแรง รวมทั้งการใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์ป้องกันการโจมตี ดังนั้น คาดว่า ยุทธนาการในเมืองโมซูลยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด เพราะกลุ่มไอเอสกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขัดขวางยุทธนาการนี้
ตามรายงานของข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ขณะนี้มีประชาชนเกือบ 7 พัน 5 ร้อยคนได้อพยพออกจากเมืองโมซูล หมู่บ้านและเขตชานเมืองต่างๆ และมีประชาชนกว่า 1 ล้านคนยังติดอยู่ในเมืองนี้ โดยเฉพาะบริเวณถนนโบราณของเมืองโมซูลซึ่งเป็นถนนสายแคบๆ ทำให้ยานพาหนะของกองทัพยากที่จะเข้าถึงได้ ขณะนี้ ครอบครัวที่ติดอยู่ในเมืองโมซูลไม่มีทางเลือกใดนอกจากเสี่ยงชีวิตกับการโจมตีทิ้งระเบิดแล้วยังต้องเผชิญกับความลำบากที่ชีวิตขาดแคลนทุกอย่าง กลุ่มไอเอสได้ข่มขู่ห้ามประชาชนหนีออกจากเมืองโมซูล นอกจากนั้น อุปสรรคที่มาจากมือปืน ระเบิด อุโมงคลองน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำมันและป้อมประการของกลุ่มไอเอสที่ปรากฎตามสถานที่ทุกแห่งก็ได้ขัดขวางการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
นอกจากนั้น ปัจจุบัน สหประชาชาติได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการประหารชีวิตของกลุ่มไอเอสในเมืองโมซูล ซึ่งทำให้ความวิตกกังวลว่า กลุ่มไอเอสอาจจะใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์เพื่อปกป้องตัวเองจากการโจมตีต่างๆ โดยเมื่อเร็วๆนี้ กองกำลังรักษาความมั่นคงของอิรักได้ค้นพบศพของประชาชน 70 รายในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน Tuloul Naser อยู่ห่างจากเมืองโมซูลไปทางทิศใต้ประมาณ 35 กิโลเมตร
วิกฤตด้านมนุษยธรรมในเมืองโมซูล
ในทางเป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่า การรับมือกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเมืองโมซูลสร้างความท้าทายเป็นอย่างมากต่อองค์การระหว่างประเทศ โดยข้าหลวงใหญ่ของสหประชาชาติเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยได้เผยว่า ได้เตรียมเต็นท์ เครื่องดื่ม อาหารและยารักษาโรคเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ยืนยันว่า การหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อรับผู้อพยพไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของกองทัพอิรักกำลังทำให้เป้าหมายกวาดล้างกลุ่มไอเอสออกจากประเทศนี้ใกล้กลายเป็นความจริง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเคลื่อนไหวของกองกำลังของรัฐบาลได้มีความคืบหน้าในสนามรบ แต่การต่อสู้นี้จะไม่สามารถเสร็จสิ้นลงภายในวันสองวันเมื่อกลุ่มไอเอสมุ่งมั่นปักหลักปกป้องฐานที่มั่น ในสภาวะการณ์ดังกล่าว ประชาชนกว่า 1 ล้านคนที่กำลังติดในเมืองนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะพวกเขากำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดจากการปะทะ.