เปิดศักยภาพความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย สิงคโปร์และอาเซียน

Huyền - Trà
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โตเลิม และภริยาจะเดินทางไปเยือนอินโดนีเซีย คณะเลขาธิการอาเซียนและสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคมตามคำเชิญของนาย ปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซียและหัวหน้าพรรคการูด้า (The Garuda Indonesia Movement Party-Garuda) นาย Kao Kim Hourn เลขาธิการอาเซียนและนาย ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และเลขาธิการพรรคกิจประชาชนสิงคโปร์ การเยือนครั้งนี้สร้างความคาดหวังเกี่ยวกับนิมิตหมายใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย สิงคโปร์และอาเซียน
เปิดศักยภาพความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย สิงคโปร์และอาเซียน - ảnh 1เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โตเลิม และภริยา (VNA)

 

นี่คือการเยือนอินโดนีเซียครั้งแรกของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในรอบเกือบ 8 ปีนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2017 และเป็นการเยือนสิงคโปร์ครั้งแรกของผู้นำพรรคเวียดนามภายหลังเกือบ 13 ปี นับตั้งแต่การเยือนเมื่อเดือนกันยายนปี 2012 อีกทั้ง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนคณะเลขาธิการอาเซียน

อินโดนีเซียและสิงคโปร์เป็นสองประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเวียดนาม มีความไว้วางใจทางการเมืองในระดับสูงและความร่วมมือทวิภาคีพัฒนาอย่างเข้มแข็ง

ศักยภาพเกี่ยวกับนิมิตหมายแห่งความร่วมมือใหม่

อินโดนีเซียเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามเมื่อปี 1955 โดยในตลอด 70 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2013 ความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีการพัฒนาอย่างครอบคลุมและลึกซึ้งมากขึ้น อินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของเวียดนามในอาเซียน และเวียดนามเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 4 ของอินโดนีเซียในอาเซียน มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเพิ่มขึ้น 4 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บรรลุ 1 หมื่น 6 พัน 7 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ สร้างความเป็นระเบียบระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานระดับโลก โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนและปัญหาทะเลตะวันออก นาย Denny Abdi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามได้ให้ข้อสังเกตว่า

 “การเยือนอินโดนีเซียครั้งแรกของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนับตั้งแต่ปี 2017 ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากทั้งสองประเทศ คาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะจัดการประชุมระดับสูงโดยเน้นถึงความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและการประกอบธุรกิจโดยมีการเข้าร่วมของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิมและสถานประกอบการของทั้งสองประเทศ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ทั้งสองฝ่ายตั้งความหวังว่า จะยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีขึ้นสู่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ด้วยการพัฒนาในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศพร้อมที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อมีส่วนร่วมแปรวิสัยทัศน์ร่วมในการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2045 ให้กลายเป็นความจริง”

สำหรับสิงคโปร์ ภายหลังกว่า 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ และ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ความสัมพันธ์เวียดนาม – สิงคโปร์ก็มีการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยทั้งสองฝ่ายดำเนินกลไกความร่วมมือทวิภาคีอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกลไกการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

สิงคโปร์เป็นหัวเรือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของเวียดนาม ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนได้รับการพัฒนาอย่างมีชีวิตชีวาและบรรลุความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบัน สิงคโปร์เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในอาเซียนและเป็นอันดับ 2 ของโลก เขตนิคมอุตสาหกรรมสิงคโปร์-เวียดนามหรือ VSIP รวม 18 แห่งใน 13 จังหวัดและนครได้ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 1 หมื่น 8 พัน 7 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานทำให้แก่แรงงานเวียดนามกว่า 300,000 คน เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย มูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2024 บรรลุกว่า 1 หมื่น 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะ ความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจสีเขียว - เศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสองประเทศกำลังเปิดโอกาสใหม่ๆ มากมายให้แก่ความร่วมมือทวิภาคีในด้านสำคัญและมีศักยภาพสูง

เปิดศักยภาพความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย สิงคโปร์และอาเซียน - ảnh 2นาย Denny Abdi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนาม

ยืนยันถึงนโยบายต่างประเทศของเวียดนามในอาเซียน

ทั้งนี้ การเยือนครั้งนี้ของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงการให้ความสำคัญของเวียดนามต่อความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาค รวมถึงหุ้นส่วนที่สำคัญสองราย ได้แก่ อินโดนีเซียและสิงคโปร์เท่านั้น หากยังยืนยันถึงความสำคัญของอาเซียนในนโยบายต่างประเทศของเวียดนามอีกด้วย นี่คือครั้งแรกที่เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนคณะเลขาธิการอาเซียนในโอกาสครบรอบ 30 ปีที่เวียดนามเข้าร่วมองค์กรนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเดินหน้ามีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมเพื่ออนาคตของอาเซียนและความรับผิดชอบในระดับสูงของเวียดนาม  ในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา การมีส่วนร่วมของเวียดนามมีความผูกพันกับการพัฒนาที่สำคัญของอาเซียน ดังที่นาย Kao Kim Hourn เลขาธิการอาเซียนได้ยืนยันว่า

“ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปฏิบัติหน้าที่ในคณะเลขาธิการอาเซียน หรือเป็นผู้ประสานงานกับหุ้นส่วนสนทนา เวียดนามก็เป็นประเทศสมาชิกที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ บนเวทีระหว่างประเทศ เวียดนามยังส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศในกลุ่มอาเซียนอยู่เสมอ อาจกล่าวได้ว่า เวียดนามเป็นสมาชิกที่กระตือรือร้นและเดินหน้ามีส่วนร่วมที่สำคัญต่ออาเซียนอยู่เสมอ”

ในสภาวการณ์ดังกล่าว การเยือนของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้เปิดพื้นที่ความร่วมมือใหม่ๆ ให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย สิงคโปร์และอาเซียน ช่วยเพิ่มความไว้วางใจทางการเมืองและกระชับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้งมากขึ้นช่วยกำหนดแนวทางความร่วมมือใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียวและนวัตกรรม ในฐานะประเทศสมาชิกของอาเซียน การกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียและสิงคโปร์ การแลกเปลี่ยนเสียงพูดร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศจะมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาของอาเซียนเพื่ออาเซียนที่สามัคคี พึ่งตนเองและพัฒนา.

คำติชม