ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายมากกว่าที่คาดการณ์ เศรษฐกิจเวียดนามไม่เพียงแต่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนภายนอกเท่านั้นหากยังได้รับผลกระทบจากอุปสรรคภายในประเทศที่ยืดเยื้อมานานหลายปีอีกด้วย
เศรษฐกิจฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว สถานะของเวียดนามได้รับการยกระดับบนเวทีโลก
ด้วยคำขวัญ “สามัคคี มีระเบียวินัย ความมุ่งมั่นที่คล่องตัว การเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ” นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้เน้นชี้นำการปฏิบัตินโยบายการเงิน งบประมาณและนโยบายต่างๆ อย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ถึงการผลักดันการขยายตัว ธำรงความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมภาวะเงินเฟ้อและค้ำประกันความสมดุลสำคัญๆของเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้การขยายตัวจีดีพีใน 9 เดือนที่ผ่านมาได้บรรลุร้อยละ 4.24 ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ CPI เฉลี่ยใน 9 เดือนที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.16 ตลาดการเงินและเงินตราต่างประเทศมีเสถียรภาพในขั้นพื้นฐาน ดอกเบี้ยลดลง การนำเข้าและส่งออกเพิ่มขึ้น ได้เปรียบดุลการค้าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา 2 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สถานการณ์ด้านพลังงานและอาหารมีความมั่นคง การเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐถึงเดือนกันยายนสูงกว่าร้อยละ 4.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 หรือคิดเป็น 1 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะได้รับการควบคุมให้ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ยอดเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพราว 2 หมื่น 3 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพียงพอสำรับการปฏิรูปเงินเดือนในระยะปี 2024-2026 นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวว่า
“องค์กรระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงต่างๆ ได้ชื่นชมผลงานและศักยภาพของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยพยากรณ์ว่า เวียดนามจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในเวลาที่จะถึง ส่วนมูลค่าเครื่องหมายการค้าของเวียดนามได้บรรลุประมาณ 4 แสน 3 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เลื่อนขึ้น 1 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 32 จากท็อป 100 เครื่องหมายการค้าที่เข้มแข็งของโลก”
ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายในประเทศ เวียดนามยังคงเน้นถึงด้านการต่างประเทศอีกด้วย นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยืนยันว่า
“งานด้านการต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกกำลังได้รับการปฏิบัติอย่างคึกคัก ต่อเนื่องและเป็นจุดเด่นในปี 2023 ซึ่งมีผลงานที่สำคัญๆ เปิดโอกาสและสร้างสถานะใหม่เพื่อพัฒนาประเทศและยกระดับบทบาทและชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก ถึงขณะนี้ เวียดนามสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับทั้ง 5 ประเทศที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและประเทศสมาชิกของกลุ่มจี 20 ซึ่งมีส่วนร่วมธำรงบรรยากาศสันติภาพและเสถียรภาพเพื่อสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ”
ปี 2024: จะฟันฝ่าอุปสรรคและระดมพลังทุกแหล่งให้แก่การขยายตัว
แต่อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังยอมรับว่า การขยายตัวจีดีพีในปีนี้ที่คาดว่าจะบรรลุกว่าร้อยละ 5 ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้คือร้อยละ 6.5 ได้ ส่วนเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคยังขาดความยั่งยืน การผลิตอุตสาหกรรมมีการฟื้นตัวอย่างล่าช้า โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิต
นอกจากนี้ เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2024 อาจยังคงได้รับผลกระทบในทางลบและเผชิญความท้าทายมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ว่า การขยายตัวจีดีพีในปี 2024 ต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 6-6.5 รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรต้องบรรลุ 4,700 – 4,730 ดอลลาร์สหรัฐและภาวะเงินเฟ้อต้องอยู่ที่ร้อยละ 4-4.5
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว นอกจากการบริหารนโยบายการเงินอย่างคล่องตัวและการขยายนโยบายงบประมาณอย่างเหมาะสมแล้ว นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังเผยว่า จะพยายามลดดอกเบี้ยเงินกู้และเน้นลงทุนให้แก่ด้านที่เป็นพลังขับเคลื่อนต่างๆ เช่น การลงทุน การบริโภคและการส่งออก รวมทั้งด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ และผลักดันการสร้างสรรค์และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ให้มีความพร้อมเพรียงและทันสมัย โดยเฉพาะระบบถนนไฮเวย์ สนามบิน ท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานในตัวเมืองและการเชื่อมโยงระหว่างเขต
“ต้องเสร็จสิ้นโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมที่สำคัญๆ ผลักดันโครงการก่อสร้างถนนไฮเวย์เพื่อบรรลุเป้าหมายมีถนนไฮเวย์รวมระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตรภายในปี 2025 ลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานการเกษตร ชนบท การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โครงสร้างพื้นฐานของเขตนิคมอุตสาหกรรมและพลังงาน ยืนหยัดไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าสำหรับการผลิต การประกอบธุรกิจและการดำรงชีวิต”
ในการรักษาสวัสดิการสังคม รัฐบาลจะเน้นปฏิบัติโครงการลงทุนก่อสร้างที่อยู่อาศัยทางสังคมอย่างน้อย 1 ล้านยูนิตให้แก่แรงงานที่มีรายได้ต่ำและกรรมกรในเขตนิคมอุตสาหกรรมภายในปี 2030 พัฒนาตลาดแรงงานอย่างคล่องตัว มีประสิทธิภาพและปรับเงินเดือนขั้นพื้นฐานตามท้องถิ่นและนโยบายเงินเดือนสำหรับภาคเอกชน ปฏิบัตินโยบายสำหรับชนกลุ่มน้อย ศาสนาและความเลื่อมใสต่างๆ เป็นอย่างดี สำหรับการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยืนยันว่า
“ต้องปฏิบัติแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับคำมั่นของเวียดนามในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP 26 และ
ข้อตกลงการเป็นพันธมิตรด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม หรือ JETP อย่างเคร่งครัด ผลักดันการปรับเปลี่ยนพลังงานแห่งสีเขียว พัฒนาพลังงานหมุนเวียน พลังงานไฮโดรเจน เสร็จสิ้นการสำรวจและประเมินพลังงานหมุนเวียนในเขตนอกชายฝั่ง”
นอกจากนี้ เวียดนามจะยกระดับประสิทธิภาพในด้านการทูตเศรษฐกิจ ขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคีอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ ผลักดันการทูตวัฒนธรรม การทูตประชาชน การสื่อสารต่างประเทศ การคุ้มครองพลเมือง ธำรงบรรยากาศที่สันติภาพ เสถียรภาพ อำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดแหล่งพลังต่างๆเพื่อพัฒนาประเทศ ปรับปรุงและยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก.