อธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

Chia sẻ

(VOVworld) – จีนไม่เพียงแต่ติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 อย่างผิดกฎหมายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามเท่านั้น หากยังมีปฏิบัติการที่ก้าวร้าวเพื่อเรียกร้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์ของเวียดนามอีกด้วย ซึ่งในเอกสารที่เวียดนามเสนอให้สหประชาชาติเวียนอย่างเป็นทางการ เวียดนามได้ยืนยันอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาและแถลงว่า คำเรียกร้องของจีนเหนือหมู่เกาะดังกล่าวเป็นคำเรียกร้องที่ไม่มีพื้นฐานทางนิตินัยและประวัติศาสตร์รองรับ

(VOVworld) – จีนไม่เพียงแต่ติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 อย่างผิดกฎหมายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามเท่านั้น หากยังมีปฏิบัติการที่ก้าวร้าวเพื่อเรียกร้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์ของเวียดนามอีกด้วย ซึ่งในเอกสารที่เวียดนามเสนอให้สหประชาชาติเวียนอย่างเป็นทางการ เวียดนามได้ยืนยันอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาและแถลงว่า คำเรียกร้องของจีนเหนือหมู่เกาะดังกล่าวเป็นคำเรียกร้องที่ไม่มีพื้นฐานทางนิตินัยและประวัติศาสตร์รองรับ

อธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ - ảnh 1
เรือจีนพุ่งชนเรือเวียดนาม

กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามยืนยันว่า ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามปฏิเสธคำเรียกร้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์ ที่จีนเรียกว่าซีซารวมทั้งการปฏิบัติและข้อกฎหมายต่างๆที่จีนอ้าง ซึ่งคณะตัวแทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติได้ส่งถึงเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้แก่เอกสารสองฉบับคือ A/68/887 และ A/68/907 พร้อมจดหมายฉบับวันที่ 22 พฤษภาคมและวันที่ 9 มิถุนายนปี 2014
คำประกาศอธิปไตยของจีนไม่สอดคล้องกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์
เอกสารต่างๆที่จีนนำเสนอนั้นต่างแสดงให้เห็นว่า จีนไม่เคยประกาศอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาตั้งแต่สมัยที่หมู่เกาะแห่งนี้ยังเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้ครอบครอง ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า จีนรับทราบมาตลอดว่า เขตอธิปไตยของตนไม่ได้ครอบคลุมหมู่เกาะหว่างซา ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อเรือสองลำคือ Bellona และ Umeji Maru อับปางในเขตทะเลหว่างซาและถูกปล้นโดยชาวประมงจีนส่วนทางการจีนได้เห็นว่า หมู่เกาะหว่างซาเป็นดินแดนที่ถูกทิ้งร้าง ไม่เป็นของจีน จึงไม่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในขณะเดียวกัน เวียดนามได้ประกาศอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาตั้งแต่ขณะที่หมู่เกาะแห่งนี้ยังเป็นดินแดนที่ไร้เจ้าของ เช่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยราชวงศ์เหงวียนได้มีการเก็บผลผลิตทางธรรมชาติจากเกาะต่างๆของหมู่เกาะหว่างซา รวมทั้งวัดเส้นทางเดินเรือและรักษาความปลอดภัยให้แก่เรือต่างชาติที่แล่นผ่านบริเวณนี้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ถูกระบุในหนังสือราชการของราชวงศ์ต่างๆของเวียดนามหรือโจว์บ๋านที่กำลังถูกเก็บรักษาไว้ในเวียดนาม
หลังจากที่ฝรั่งเศสและเวียดนามลงนามข้อตกลงคุ้มครองเมื่อวันที่ 15 มีนาคมปี 1874 และในวันที่ 6 มิถุนายนปี 1884 ฝรั่งเศสได้เป็นตัวแทนเวียดนามในการใช้อำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาและประท้วงปฏิบัติการรุกล้ำของจีน ก่อสร้างประภาคาร สถานีอุตุนิยมวิทยา จัดตั้งเขตปกครองในสังกัดจังหวัดเถื่อเทียน ประเทศอานนามและออกใบสูติบัตรให้แก่พลเมืองเวียดนามที่เกิดที่หมู่เกาะแห่งนี้

อธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ - ảnh 2
หนังสือราชการของราชวงศ์เหงวียนกำลังถูกเก็บรักษาไว้ในเวียดนาม

อธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซาได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ
ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปัญหาอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์และเจื่องซาหรือสเปรตลีย์ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการประชุมนานาชาติหลายครั้ง เช่น ในการประชุมไคโรเมื่อปี 1943 และในการประชุม Potsdam เมื่อปี 1945 ตัวแทนของจีนในขณะนั้นคือเจียงไคเช็คไม่ได้กล่าวถึงอธิปไตยของจีนเหนือหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซา และในการประชุมสันติภาพ San Francisco เมื่อปี 1951 51 ประเทศที่เข้าร่วมต่างไม่คัดค้านแถลงการณ์ของหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามนายเฉิ่นวันหิวที่ยืนยันอธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซา ส่วนในการประชุมเจนีวาเมื่อปี 1954 ว่าด้วยการฟื้นฟูสันติภาพในอินโดจีน ก็ยืนยันว่า ฝ่ายต่างๆที่เข้าร่วมให้ความเคารพเอกราชและบูรณภาพแห่งดินแดนของเวียดนาม รวมทั้งหมู่เกาะสองแห่งคือหว่างซาและเจื่องซาที่กำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังฝรั่งเศสและเวียดนาม ซึ่งจีนก็ได้เข้าร่วมการประชุมนี้และเข้าใจเนื้อหาดังกล่าวเป็นอย่างดี
การใช้กำลังยึดครองจะไม่นำอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซามาให้แก่จีน
จีนได้รุกล้ำและยึดครองหมู่เกาะหว่างซาสองครั้ง นั่นคือเมื่อปี 1956 โดยฉวยโอกาสที่ฝรั่งเศสถอนทหารออกจากเวียดนาม จีนได้ยึดครองเกาะต่างๆทางทิศตะวันออกของหมู่เกาะหว่างซาและรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนามได้ประท้วงอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าของจีน  ปี 1959 ทหารจีนได้ปลอมตัวเป็นชาวประมงได้ยกพลขึ้นฝั่งทางทิศตะวันตกของหมู่เกาะหว่างซาแต่ได้ถูกกองกำลังของรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนามสกัดกั้น  ปี 1974 จีนได้ฉวยโอกาสในขณะที่เวียดนามกำลังติดพันสงครามทำการโจมตีและยึดครองหมู่เกาะหว่างซาจากรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนาม ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่จีนยึดครองหมู่เกาะหว่างซาทั้งหมดด้วยอาวุธ
อาจกล่าวได้ว่าในด้านกฎหมายสากล การยึดครองดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีอธิปไตยด้วยอาวุธเป็นพฤติกรรมที่มิชอบกฎหมายและไม่สามารถใช้เป็นพื้นฐานเพื่อให้จีนเรียกร้องอธิปไตย ดังนั้น อธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซายังคงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เวียดนามไม่เคยยอมรับอธิปไตยของจีนที่เหนือหมู่เกาะหว่างซา
กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามยืนยันว่า จีนจงใจตีความและบิดเบือนประวัติศาสตร์ในขณะที่อ้างหนังสือราชการปี 1958 ของท่านฝ่ามวันด่ง อดีตนายกรัฐมนตรีเวียดนามผู้ล่วงลับ รวมทั้งเอกสารที่ตีพิมพ์ในเวียดนามก่อนปี 1975 เพื่อยืนยันคำเรียกร้องของจีนเหนือหมู่เกาะหว่างซา หนังสือราชการของท่านฝ่ามวันด่งไม่เคยกล่าวถึงอธิปไตยของจีนเหนือหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซา แต่เกี่ยวข้องถึงเขตทะเลเท่านั้น ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาดินแดน ในความเป็นจริง ข้อสรุปในปัจจุบันกำลังขัดกับคำประกาศต่างๆของจีน รวมทั้งคำปราศรัยของอดีตผู้นำจีนเติ้ง เสี่ยวผิงเมื่อเดือนกันยายนปี 1975 ว่า เวียดนามและจีนควรอนุมัติหลักการณ์การเจรจามิตรภาพเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง ดังนั้นจีนต้องให้การเคารพประวัติศาสตร์และเจรจากับเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาหมู่เกาะหว่างซาอย่างจริงจัง./.

คำติชม