 (Photo:Vietnamplus) |
งานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในเวียดนามในเวลาที่ผ่านมาได้บรรลุผลงานสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทางการเมือง การชี้นำที่เคร่งครัดผ่านนโยบายที่ถูกต้องและทันการณ์ แต่การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นคือส่วนงานที่สำคัญและต้องได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
ไม่ย่อท้อในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น
ในการพบปะกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในกรุงฮานอยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ได้ย้ำว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่างก็กล่าวถึงการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นี่คือปัญหาใหญ่และได้รับความสนใจจากประชาชน ปัจจุบัน การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นมีการเข้าร่วมของทั้งระบบ ปัญหา“ส่วนกลางเร่งปฏิบัติ ส่วนท้องถิ่นปฏิบัติอย่างล่าช้า” ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นกำลังได้รับการแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง เผยว่า ปัจจุบัน ส่วนงานที่เป็นรูปธรรมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นมีมากมาย ดังนั้นต้องปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีกองกำลังและประสบการณ์ และต้องไม่ย่อท้อในการปฏิบัติงานในด้านนี้ “ถ้ามีการเข้าร่วมและการชี้นำของทั้งระบบและความมุ่งมั่นของประชาชน การปฏิบัติงานในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นก็จะประสบความสำเร็จ ปัจจุบัน มีหลายส่วนงานที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งต้องปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป วิเคราะห์หลักฐานและกฎหมาย ถ้ามีข้อสรุปที่ไม่ถูกต้อง ประชาชนก็จะไม่ยอมรับและไม่ได้รับความไว้วางใจ ในทางเป็นจริง การดำเนินคดีคอรัปชั่นเมื่อเร็วๆนี้ได้รับความเห็นพ้องจากประชาชน ซึ่งนี่คือบทเรียน ประสบการณ์ที่ล้ำค่า”
ปรับปรุงกลไกให้มีความสมบูรณ์
พร้อมกับความมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น สิ่งที่น่าสนใจในเวลาที่ผ่านมาคือ การจัดทำกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นปี 2018 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขมากที่สุดจากกฎหมายฉบับปี 2005 ปี 2007 และปี 2012
โดยมีการแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและรายได้ของผู้ที่ดำรงตำแหน่งและมีอำนาจมากที่สุดคือ 24 มาตราจากทั้งหมด 96 มาตราในกฎหมายฉบับนี้ และนับเป็นครั้งแรกที่เวียดนามมีสำนักงานควบคุมทรัพย์สินและรายได้ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ โดยสำนักงานตรวจตราของรัฐบาลจะตรวจสอบทรัพย์สินและรายได้ของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับกระทรวง ผู้อำนวยการสำนักงานหรือเทียบเท่ากระทรวง ส่วนเจ้าหน้าที่ตรวจตราของท้องถิ่นและกระทรวงจะทำหน้าที่ตรวจสอบในระดับท้องถิ่น
กฎหมายฉบับนี้ยังเพิ่มอำนาจให้แก่สำนักงานควบคุมทรัพย์สินและรายได้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ลำบากนี้ ส่วนสำนักงานการคลัง องค์การสินเชื่อ ธนาคาร ตำรวจ ศุลกากรและหน่วยงานบริหารที่ดินต้องให้ความร่วมมือในการจัดสรรข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตรวจสอบทรัพย์สินและรายได้ของผู้ที่มีหน้าที่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน
พื้นฐานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและรายได้ก็ได้รับการขยายมากขึ้นเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ที่น่าสนใจคือจะทำการตรวจสอบแบบสุ่ม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคนก็อาจถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเช่นกัน สำหรับการยึดคืนทรัพย์สินที่ได้จากการคอรัปชั่น นาง หวอถิยือฮวา ผู้แทนสภาแห่งชาตินครดานังแสดงความเห็นว่า “การยึดคืนทรัพย์สินที่ได้จากการคอรัปชั่นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือหน้าที่ที่ไม่สามารถแยกจากงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นได้และส่งผลดีต่อการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นและนี่คือปัจจัยสำคัญเพื่อประเมินประสิทธิภาพของงานด้านนี้”
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะไม่สามารถอาศัยแค่กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นปี 2018 เท่านั้น หากต้องอาศัยกฎหมายและมติฉบับต่างๆของสภาแห่งชาติ รวมถึงส่วนร่วมของรัฐบาลและความมุ่งมั่นชี้นำของพรรค
ในสภาวการณ์ที่ประชาชนกำลังจับตามองการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ความมุ่งมั่นของพรรคและรัฐ การปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับให้สอดคล้องกับกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นพร้อมกับข้อกำหนดใหม่จะช่วยให้งานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นได้รับการผลักดันให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่จะถึง.