ข้อตกลงการค้ากับอาร์เจนตินา กัวเตมาลา เอกวาดอร์ และเอลซัลวาดอร์เป็นข้อตกลงล่าสุดที่สหรัฐบรรลุกับประเทศต่างๆในภูมิภาคอเมริกากลาง-อเมริกาใต้นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิบัตินโยบายภาษีต่างตอบแทนต่อประเทศต่างๆเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์
สำหรับข้อตกลงการค้ากับอาร์เจนตินา กัวเตมาลา เอกวาดอร์ และเอลซัลวาดอร์ ทำเนียบขาวได้เผยว่า 4 ประเทศเหล่านี้ได้ยอมรับเปิดตลาดสำหรับสินค้าของสหรัฐเพื่อแลกกับการที่สหรัฐลดภาษีให้อยู่ที่ร้อยละ 10 -15 หรือยกเว้นภาษีต่อสินค้าบางรายการที่นำเข้าจาก 4 ประเทศเหล่านี้ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวได้รับการตั้งความหวังว่า จะช่วยให้ผู้บริโภคสหรัฐที่กำลังประสบอุปสรรคลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าบริโภคนำเข้า
ในจำนวนข้อตกลงดังกล่าว ข้อตกลงการค้ากับอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 3 ในทวีปลาตินอเมริกา รองจากบราซิลและเม็กซิโกได้รับความสนใจที่สุด ตามแถลงการณ์ร่วมของทำเนียบขาว สหรัฐจะยกเลิกภาษีร้อยละ 10 สำหรับทรัพยากรธรรมชาติที่สหรัฐไม่มี รวมทั้งเภสัชภัณฑ์ที่ยังไม่จดสิทธิบัตร ส่วนอาร์เจนตินาให้คำมั่นที่จะยกเลิกข้อเสนอเกี่ยวกับการประเมินเพิ่มเติมต่อสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐ เช่น ยานยนต์ อาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเภสัชภัณฑ์ ให้สิทธิพิเศษต่อการนำเข้าเครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี รถยนต์และการบริการดิจิทัลของสหรัฐ นอกจากนี้ อาร์เจนตินาจะยกเลิกการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีในด้านที่ได้รับความสนใจ ลดขั้นตอนการลงทะเบียนต่อผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัว เนื้อแปรรูป เนื้อหมูของสหรัฐและไม่ต้องลงทะเบียนโรงงานผลิตต่อผลิตภัณฑ์จากนมที่นำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งการบรรลุข้อตกลงการค้ากับอาร์เจนตินาที่เป็นประเทศมหาอำนาจด้านการเกษตรในภูมิภาคเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนก่อน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจเพิ่มโควต้าการนำเข้าเนื้อวัวจากอาร์เจนตินาขึ้นเป็น 4 เท่าเพื่อลดราคาอาหารและพลังงานในสหรัฐ ช่วยเหลือนาย Javier Milei ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการเมืองที่ใกล้ชิดของประธานาธิบดีสหรัฐ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยว่า
“การช่วยเหลืออาร์เจนตินาก็คือช่วยเหลือตนเอง อาร์เจนตินามีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจต่างๆ เรากำลังฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์นี้เพื่อช่วยเหลืออาร์เจนตินาและนำผลประโยชน์มาให้แก่สหรัฐ”
นอกจากอาร์เจนตินา ข้อตกลงกับเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศเดียวใน 4 ประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง-อเมริกาใต้ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐก็ได้รับความสนใจเนื่องจากมูลค่าการค้าและการบริการระหว่างสหรัฐกับเอกวาดอร์อยู่ที่กว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้วและตามข้อตกลงใหม่ เอกวาดอร์ไม่เพียงแต่ยกเลิกการกีดกันทางการค้าและการค้าดิจิทัลกับบริษัทต่างๆของสหรัฐเท่านั้น หากยังร่วมมือกับสหรัฐในการค้ำประกันความมั่นคงด้านการลงทุนและการควบคุมการส่งออก ซึ่งเป็นด้านที่สหรัฐกำลังให้ความสนใจ
การฟื้นฟูอิทธิพล
บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า การที่สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับ 4 ประเทศลาตินอเมริกา มีความหมายที่สำคัญต่อทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงนี้ สำหรับภายในประเทศ ข้อตกลงต่างๆที่ได้บรรลุจะช่วยลดราคาในตลาดสหรัฐในสภาวการณ์ที่ราคาของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กาแฟ กล้วยและโกโก้เพิ่มสูงขึ้นในเวลาที่ผ่านมาได้สร้างความไม่พอใจต่อผู้บริโภคสหรัฐ การเพิ่มราคานี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พรรครีพับลิกันพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก หรือเวอร์จิเนีย ดังนั้น การลดราคาเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของทางการสหรัฐในปัจจุบัน นอกจากข้อกลงการค้าต่างๆที่ได้บรรลุแล้ว ทางการของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ยังวางแผนยกเว้นภาษีสำหรับเนื้อวัวและส้ม ที่นำเข้าจากประเทศต่างๆ ที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงด้านการค้าใหม่กับสหรัฐ
สำหรับงานด้านการต่างประเทศ การส่งเสริมความร่วมมือกับบรรดาประเทศลาตินอเมริกาเป็นก้าวเดินต่อไปในยุทธศาสตร์การฟื้นฟูอิทธิพลในภูมิภาคนี้ ซึ่งข้อตกลงการค้าต่างๆที่ได้บรรลุกับ 4 ประเทศลาตินอเมริกาต่างระบุถึงความร่วมมือในการขุดเจาะแร่ธาตุสำคัญ เสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานและกำหนดมาตรฐานร่วมเกี่ยวกับความมั่นคงด้านการลงทุนและการควบคุมการส่งออก ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่สหรัฐกำลังปฏิบัติกับหุ้นส่วนเศรษฐกิจต่างๆในโลกเพื่อลดการพึ่งพาแร่ธาตุหรือเชื้อเพลิงของบางประเทศ ในยุทธศาสตร์นี้ ประเทศต่างๆในภูมิภาคอเมริกากลาง-อเมริกาใต้ที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อาจมีบทบาทที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆของทางการสหรัฐ เช่น สนับสนุนเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติดในทะเลแคริบเบียน
หลังการบรรลุข้อตกลงกับอาร์เจนตินา กัวเตมาลา เอกวาดอร์ และเอลซัลวาดอร์ แผนการต่อไปของสหรัฐคือบรรลุข้อตกลงกับบราซิล ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในทวีปลาตินอเมริกา โดยเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ให้การต้อนรับรัฐมนตรีต่างประเทศบราซิลเพื่อส่งเสริมการเจรจาระหว่างสหรัฐกับบราซิลเพื่อบรรลุข้อตกลงก่อนสิ้นปีนี้.