สิทธิเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นไม่อาจแยกออกจากหน้าที่ของพลเมืองได้

Thu Hoa/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)-หลังจากที่มีบุคคลบางคนถูกหน่วยงานความมั่นคงเวียดนามจับกุมและสอบสวนในข้อหาฉกฉวยสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยเพื่อทำลายผลประโยชน์ของรัฐและสิทธิหน้าที่อันชอบธรรมขององค์การพลเมือง ตามมาตร258ของประมวลกฎหมายอาญา มีบล๊อคเกอร์และองค์การระหว่างประเทศหลายองค์การได้ปล่อยข่าวใส่ร้ายป้ายสีเวียดนาม.......

(VOVworld)-หลังจากที่มีบุคคลบางคนถูกหน่วยงานความมั่นคงเวียดนามจับกุมและสอบสวนในข้อหาฉกฉวยสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยเพื่อทำลายผลประโยชน์ของรัฐและสิทธิหน้าที่อันชอบธรรมขององค์การพลเมือง ตามมาตร258ของประมวลกฎหมายอาญา มีบล๊อคเกอร์และองค์การระหว่างประเทศหลายองค์การได้ปล่อยข่าวใส่ร้ายป้ายสีเวียดนามว่าใช้ข้อกำหนดต่างๆด้านความมั่นคงแห่งชาติเพื่อจำกัดประชาชนในการปฏิบัติสิทธิด้านพลเรือน การเมืองและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและใช้อินเตอร์เน็ต รวมทั้งเรียกร้องให้เวียดนามปล่อยตัวบุคคลเหล่านี้ทันที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง ต่อไปนี้ขอเเนะนำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวของนักข่าววิทยุเวียดนาม..
สิทธิเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นไม่อาจแยกออกจากหน้าที่ของพลเมืองได้ - ảnh 1
ประชาชนเวียดนามทุกภาคส่วนต่างได้รับเงื่อนไขที่สะดวกในการใช้อินเตอร์เนต(laocai.gov.vn)

หากเข้าใจในด้านกว้างของเสรีภาพรวมถึงสิทธิเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นหรือในความหมายที่เจาะจงแต่ละประเด็นนั้นถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ซึ่งตามเนื้อหาในเอกสารกฎหมายสากลโดยเฉพาะแถลงการณ์สิทธิมนุษยชนสากลปี1948และอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิด้านพลเรือนและการเมืองปี1966 นั้นต่างระบุว่า การให้ความเคารพและค้ำประกันสิทธิดังกล่าวเป็นทั้งเงื่อนไขและพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาสังคมโดยไม่จำแนกระบอบการเมืองและระดับการพัฒนา สำหรับเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่เข้าร่วมอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มแข็งในเชิงรุกก็ได้ประยุกต์ใช้มาตรฐานระหว่างประเทศในการพัฒนาระบบกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของตนและในมาตรา69ของรัฐธรรมนูญปี1992ของเวียดนามได้ระบุว่า “พลเมืองมีสิทธิเสรีภาพในแสดงความคิดเห็นและด้านสื่อมวลชน”  กฎหมายสากลได้ระบุว่าต้องค้ำประกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพลเมืองแต่ในขณะเดียวกันก็มีการกำหนดว่าสิทธิของบุคคลอาจจะถูกจำกัด โดยในแถลงการณ์สิทธิมนุษยชนสากลปี1948ได้เขียนว่า ในการปฏิบัติสิทธิเสรีภาพของแต่ละบุคคลจะต้องถูกจำกัดภายใต้กฎหมายเพื่อค้ำประกันการยอมรับและให้ความเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นและสอดคล้องกับความเรียกร้องที่ชอบธรรมด้านคุณธรรม ความมีระเบียบวินัยในที่สาธารณะและสวัสดิภาพในสังคมแห่งประชาธิปไตย ส่วนในอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิด้านพลเรือนและการเมืองปี1966ก็มีข้อกำหนดว่า การปฏิบัติสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต้องควบคู่กับการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบพิเศษ ดังนั้นอาจจะถูกจำกัดในบางส่วนเพื่อเป็นการให้ความเคารพสิทธิและชื่อเสียงของผู้อื่น เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคม 

ทั้งนี้เป็นอันว่า การที่รัฐเวียดนามได้กำหนดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในรัฐธรรมนูญปี1992ก็เป็นเรื่องปกติหรือในประมวลกฎหมายอาญาปี1999ได้ระบุชัดถึงข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นในมาตราที่88และ258ก็ถือเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติสากล ดังนั้นก่อนที่แสดงท่าที่เข้าข้างบุคคลที่ถูกหน่วยงานความมั่นคงเวียดนามจับกุมตามประมวลกฎหมายอาญาเวียดนาม บล๊อคเกอร์และองค์การระหว่างประเทศต่างๆโดยเฉพาะองค์กรติดตามสิทธิมนุษยชน องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ต้องเข้าใจกันว่าเขาเหล่านั้นได้ละเมิดกฎหมายเวียดนามและต้องถูกลงโทษอย่างเข้มงวดเพราะพวกเขาได้ใช้สิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือเพื่อคุกคามผลประโยชน์ของรัฐ สิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมขององค์การพลเมืองต่างๆมิใช่เพราะเหตุผลการติหนิติติงรัฐบาลหรือพวกเขาได้เป็นนักรบต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนดังที่องค์กรระหว่างประเทศต่างๆได้เป่าร้อง

สิ่งที่น่าตำหนิในเรื่องนี้ก็คือองค์กรระหว่างประเทศดังเช่นองค์กรติดตามสิทธิมนุษยชน องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนเองได้ใช้คดีตามมาตรา88และ258ของประมวลกฎหมายอาญาเวียดนามมาปิดเบือนปั้นแต่งปัญหาสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของเวียดนามแทนที่จะทำในสิ่งที่ควรทำคือเสนอความจริงของปัญหาอย่างถูกต้องและมีภาวะวิสัย มิใช่เข้าข่ายสนับสนุนบุคคลที่ละเมิดกฎหมาย ใช้สิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยมาเป็นโล่บังหน้าเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของประเทศเวียดนามที่พัฒนา ซึ่งต้องยืนยันอีกครั้งว่า สิทธิพลเรือนและการเมืองรวมทั้งสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการใช้อินเตอร์เนตของพลเมืองเวียดนามทุกคนต่างได้รับการค้ำประกันในกฎหมายและในทางปฏิบัติและสิทธินั้นไม่อาจแยกออกจากหน้าที่พลเมืองได้ โดยพลเมืองเวียดนามแต่ละคนรวมทั้งพลเมืองของไม่ว่าชาติใดในโลกต่างต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายและไม่มีองค์กรหรือบุคคลใดๆสามารถดำเนินการอยู่นอกระบบกฏหมายสังคมได้และนี่คือสิ่งที่ทุกประเทศรวมทั้งเวียดนามต้องปฏิบัติเพื่อค้ำประกันความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน./.

คำติชม