ปฏิญญาเอกราชแม้ไม่ยาวมากแต่ได้ระบุเนื้อหาที่มีความหมายเป็นอมตะ ที่ยืนยันถึงคุณค่าของเอกราช เสรีภาพ สิทธิของมนุษย์และสิทธิของประชาชาติ
ความหมายแห่งยุคใหม่ของปฏิญญาเอกราช
ปฏิญญาเอกราชไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต่อประชาชาติเวียดนามเท่านั้น หากยังมีความหมายแห่งยุคสมัยอีกด้วย แนวความคิด “ไม่มีสิ่งใดล้ำค่า้เหนือกว่าเอกราช เสรีภาพ” ของประธานโฮจิมินห์คือความจริงในทุกยุคทุกสมัย เป็นเงื่อนไขชี้ขาดในการสร้างสรรค์ประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชาติพัฒนาและประชาชนมีความอิ่มหนำผาสุก เอกราชและเสรีภาพเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การปกป้องเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติและให้ความเคารพต่อเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติอื่นๆ คือเงื่อนไขเพื่อสร้างสรรค์โลกที่สันติภาพและพัฒนา ศ. ฝ่ามห่งตุง จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยยืนยันว่า
“ประธานโฮจิมินห์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ของเอกราช นั่นคือสิทธิที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี สิทธิในการได้รับความสุข และนั่นคือคุณค่าขั้นพื้นฐานที่ได้ถูกระบุในปฏิญญาสิทธิมนุษชนและสิทธิของประชาชนของการปฏิวัติฝรั่งเศส และในปฏิญญาเอกราชของสหรัฐรวมทั้งได้รับการยอมรับจากมนุษยชาติ”
แนวคิดของประธานโฮจิมินห์สะท้อนในปฏิญญาเอกราชวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ได้กลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งของประชาชาติเวียดนาม ช่วยให้เวียดนามรักษาเอกราช อธิปไตย สร้างสรรค์ พัฒนาและบรรลุผลงานที่สำคัญๆ ในเกือบทุกด้าน ดร. เหงียนดึ๊กเกวี่ยน จากมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮานอยแสดงความคิดเห็นว่า
“ปฏิญญาเอกราชคือเอกสารทางประวัติศาสตร์ เป็นพื้นฐานทางนิตินัยเพื่อสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ด้วยเป้าหมายคือ เอกราช เสรีภาพและความผาสุก ความคาดหวังอันแรงกล้าของคนเวียดนามคือ ใฝ่สันติภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เราสร้างสรรค์รัฐของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน”
เอกราช เสรีภาพคือเข็มทิศนำทางและเป้าหมายสูงสุด
79 ปีได้ผ่านพ้นไป แต่คุณค่าของเอกราชและเสรีภาพยังคงเป็นเข็มทิศนำทางและเป้าหมายสูงสุดของรัฐเวียดนาม ในยุคแห่งการพัฒนาใหม่คุณค่าของเอกราชและเสรีภาพคือความอิสระในการปฏิบัติแนวทางสร้างสรรค์และปกป้องปิตุภูมิ แนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง แนวทางการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกเพื่อสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและมีเสถียรภาพ เอกราชของประชาชาติยังสามารถเห็นได้ชัดผ่านการที่เวียดนามกำหนดและสร้างสรรค์ระบบวัฒนธรรมที่ทันสมัย เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของประชาชาติ ธำรงและส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมพื้นเมืองควบคู่กับการรับคุณค่าวัฒนธรรมที่ดีงามของมนุษยชาติ โดยคุณค่าของเอกราช เสรีภาพและความผาสุกของประชาชาติเวียดนามนั้บตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงแห่งการปฏิวัติในปีนั้นได้รับการธำรงและส่งเสริม ช่วยให้เวียดนามติดกลุ่มประเทศที่มีการขยายตัวอยู่ในระดับสูงของภูมิภาคและโลก ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งในด้านวัตถุและจิตใจได้รับการยกระดับอย่างไม่หยุดยั้ง ความสัมพันธ์การต่างประเทศได้รับการขยาย สถานะของเวียดนามนับวันสูงเด่นมากขึ้นบนเวทีโลก ช่วยให้ชาวเวียดนามทุกคนต่างรู้สึกปลื้มปิติยินดีในวันชาติ 2 กันยายนทุกๆ ปี นาย เหงียนแทงกวาง อดีตทหารผ่านศึกจังหวัดดั๊กนงค์กล่าวว่า
“แต่ละครั้งที่ผมฉลองวันชาติ 2 กันยายน ก็ตระหนักได้ดีว่า ประเทศเราได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันดีกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ ”
79 ปีได้ผ่านพ้นไปแต่คุณค่าเกี่ยวกับเอกราชของประชาชาติที่ถูกระบุในปฏิญญาเอกราชยังคงได้รับการสานต่อในภารกิจการสร้างสรรค์ประเทศปัจจุบัน ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนระหว่างประเทศหลังจากที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ท่าน โตเลิม เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานประเทศเวียดนามได้ยืนยันว่า
“ต้องธำรงทัศนะเกี่ยวกับเอกราชและการพึ่งตนเองในกิจกรรมการต่างประเทศ โดยถือผลประโยชน์ของประเทศและประชาชาติเหนือกว่าสิ่งใด เราไม่ควรพึ่งพาใคร อย่าปล่อยให้ถูกยุยงปฏิบัติตามแนวโน้มต่างๆ ประเพณีของเราคือมีเพื่อนจำนวนมากจะดีและจะร่ำรวย เราเพิ่มเพื่อนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นประเทศใหญ่หรือประเทศเล็ก จะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม”
ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติเป้าหมายการสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่เข้มแข็ง ร่ำรวย มีประชาธิปไตย มีความยุติธรรมและอารยธรรม เวียดนามยืนหยัดธำรงเอกราชของประชาชาติ โดยมีคุณค่าหลักที่ประธานโฮจิมินห์ได้กำหนดไว้ในปฏิญญาเอกราชเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เวียดนามพัฒนาและคงอยู่อย่างเข้มแข็งในสภาวการณ์ของโลกที่มีความผันผวนอย่างซับซ้อนในปัจจุบัน.