(VOVworld)-สถานการณ์ล่าสุดในเวทีการเมืองอียิปต์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้ส่งผลให้วิกฤตในประเทศนี้เล็วร้ายยิ่งขึ้นโดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างพรรคฝ่ายต่างๆที่นับวันถล้ำลึกมากขึ้นจนส่งผลเสียต่ออนาคตของอียิปต์และอีกหลายประเทศในภูมิภาค
องค์การภราดรภาพมุสลิมรณรงค์ประชาชนเดินขบวนครั้งใหญ่(PressTV)
|
ในหลายวันที่ผ่านมา การเดินขบวนประท้วงของกลุ่มผู้สนับสนุนกองทัพและกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีมอร์ซีได้มีขึ้นในทั่วอียิปต์และที่รุนแรงที่สุดคือเหตุการณ์ปะทะระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมสนับสนุนนายมอร์ซี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต75คนส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็มากถึงหลายร้อยคน แต่ในขณะที่ฝ่ายต่างๆได้หาทางโยนความผิดให้กันนั้น ประธานาธิบดีเฉพาะกาลของอียิปต์อัดลีย์ มันซูร์ได้อนุมัติให้กองทัพจับกุมประชาชนเพื่อปราบปรามการชุมนุมซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่แข็งกร้าวที่จะนำไปสู่การปราบปรามครั้งใหญ่โดยเป้าหมายคือผู้ที่สนับสนุนนายมอร์ซีหรือกลุ่มกบฎที่กำลังขยายการโจมตีใส่กองกำลังความมั่นคงของอิยิปต์บนคาบสมุทร ซีนาย แต่อย่างไรก็ดีสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้สะท้อนให้เห็นว่า ท่าทีของทางการอียิปต์เพื่อมุ่งปราบปรามการก่อความไม่สงบที่คุกคามความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศนั้นไม่ได้ผลเมื่อองค์การภราดรภาพมุสลิมยังคงปลุกปั่นให้ประชาชนหลายล้านคนทำการชุมนุมครั้งใหญ่ที่เริ่มตั้งแต่วันที่29-30กรกฎาคมและผู้นำองค์การนี้ยังประกาศว่านี่เป็นการเดินขบวนที่ไม่จำกัดกรอบเวลาและอาจจะยืดเยื้อเป็นเดือนหรือเป็นปีจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้คือฟื้นฟูรัฐธรรมนูญและคืนตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่นาย โมฮัมเหม็ด มอร์ซี
ในขณะที่อียิปต์กำลังวุ่นอยู่กับการแก้ไขปัญหาในประเทศนั้น ชาติเพื่อนบ้านต่างๆก็จับตาสถานการณ์ของอียิปต์เป็นพิเศษ ศ.ฝ่ายการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยสหรัฐในอียิปต์ โนฮา บาคร์เผยว่า การเคลื่อนไหวทางทหารเพื่อรักษาความมั่นคงบนคาบสมุทรซีนายจะส่งผลกระทบต่อบทบาทของกลุ่มฮามาสในเขตนี้เพราะกองทัพอาจจะใช้มาตรการความมั่นคงที่ทำให้ฉนวนกาซาถูกโดดเดี่ยวด้วยการปิดอุโมงและจุดผ่านแดนราฟาห์เป็นเวลานาน สำหรับอิสราเอล การโจมตีก่อการร้ายของนักรบมุสลิมบนคาบสมุทรซีนายเพื่อก่อแรงกดดันให้คืนตำแหน่งให้แก่นายมอร์ซีก็ส่งผลเสียต่อความมั่นคงของอิสราเอล ตลอดจนได้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ทั้งคูเวต ซาอุดิอาระเบียร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรต ซึ่งเป็นประเทศที่สนับสนุนแนวทางปัจจุบันของอียิปต์ รวมไปถึงตูนีเซียและลิเบียซึ่งเป็นประเทศที่องค์การภราดรภาพมุสลิมกำลังเป็นฝ่ายกุมอำนาจก็เป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนอียิปต์
ผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายปะทะกัน(PressTV)
|
ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติบันคีมุนได้มีการหารือกับรองประธานาธิบดีอียิปต์ โมฮัมเหม็ด เอลบาราเดย์และรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีและกาต้าร์รวมทั้งผู้นำสันนิบาตอาหรับเพื่อแสดงความวิตกต่อสถานการณ์ความไร้เสถียรภาพที่นับวันรุนแรงมากขึ้นในอียิปต์ ส่วนเมื่อวันที่29กรกฎาคม นางแคทเธอริน แอสตัน ข้าหลวงใหญ่ด้านนโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศของอียูได้มีการสนทนากับฝ่ายต่างๆในอียิปต์รวมทั้งผู้บัญชาการกองทัพอียิปต์ อับเดล ฟาตาห์ เอล-ซีซี ประธานาธิบดีเฉพาะกาล อัดลีย์ มันซูร์ ตัวแทนพรรคเสรีและยุติธรรมซึ่งเป็นตัวแทนทางการเมืองขององค์กรภราดรภาพมุสลิม โดยได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นและยุติการปะทะรวมทั้งแสดงความพร้อมของอียูที่จะสนับสนุนประชาชนอียิปต์ในการปรับเสถียรภาพและผลักดันกระบวนการประชาธิปไตย แต่อย่างไรก็ดีบรรดานักวิเคราะห์มีความเห็นว่า ความเป็นไปได้ที่บทบาทการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยของอียูหรือฝ่ายใดก็ตามนอกประเทศอียิปต์เพื่อแก้ไขวิกฤตปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยมาก ซึ่งนักวิเคราะห์ ฮาสซาน นาฟา จากมหาวิทยาลัยไคโรได้แสดงความเห็นว่า จนถึงขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่ามีแต่ชาวอียิปต์เท่านั้นที่สามารถเป็นผู้แก้ไขวิกฤตและมีแต่มาตรการที่เสนอโดยคนกลางในประเทศถึงจะได้รับการยอมรับและปฏิบัติตาม
ทั้งนี้สถานการณ์ในอียิปต์จะมีความผันผวนต่อไปและความแตกแยกทางการเมืองที่นับวันทวีความรุนแรงก็จะส่งผลกระทบที่ไม่อาจคาดคิดให้แก่ชาวอียิปต์และทั้งภูมิภาคและทางออกให้แก่ปัญหาอียิปต์ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ./.