นับตั้งแต่หลังการประชุมสุดยอดนาโต้เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2016 ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับนาโต้ไม่มีสัญญาณที่น่ายินดีใดๆ และแนวโน้มการเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการทหารก็นับวันเพิ่มมากขึ้น
นาโต้ผลักดันการป้องกันตนเอง
เมื่อเร็วๆนี้ อังกฤษได้ประกาศว่า ทหารอังกฤษเกือบ 800 นายพร้อมรถถังและเครื่องบินไร้คนขับจะไปยังเอสโตเนียในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามของนาโต้เพื่อเป็นการยืนยันถึงคำมั่นปกป้องประเทศในเขตบอลติก ทหารที่จะถูกส่งไปครั้งนี้เพิ่มขึ้นอีก 300 นายเมื่อเทียบกับแผนการที่ได้วางไว้เมื่อต้นปีนี้ และนี่ถือเป็นการส่งทหารไปประจำการในประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียที่ยาวนานที่สุดของอังกฤษหลังยุคสงครามเย็น แหล่งข่าวจากกระทรวงโกลโหมอังกฤษระบุว่า กองทัพอังกฤษจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานทัพ Tapa เป็นเวลา 6 เดือน กองพัน 4 แห่งของนาโต้จะถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับมือกับความวิตกกังวลว่า รัสเซียอาจสร้างภัยคุกคามต่อประเทศพันธมิตรในทิศตะวันออกของนาโต้ ท่าทีนี้มีขึ้นในสภาวะการณ์ที่นาโต้มีความวิตกกังวลว่า ขบวนเรือรบของรัสเซียที่ส่งไปยังซีเรียอาจใช้เพื่อโจมตีเป้าหมายต่างๆในเมืองอเลปโป
การตัดสินใจของกระทรวงกลาโหมอังกฤษและนาโต้เกี่ยวกับการส่งทหารไปประจำการใกล้เขตชายแดนของรัสเซียได้ถูกประท้วงอย่างรุนแรงจากรัสเซีย  โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ตัวแทนของรัสเซียประจำนาโต้ Aleksander Grushko ได้ประกาศว่า รัสเซียจะไม่เพิกเฉยต่อท่าทีนี้ และเตือนว่าจะมีมาตรการตอบโต้ ตามความเห็นของนาย  Aleksander Grushko ท่าทีที่กองทัพอังกฤษเรียกว่า “ผลักดันการรักษาความมั่นคงให้แก่พันธมิตร” นั้นกำลังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค ท่าทีนี้ของอักฤษและนาโต้ไม่สอดคล้องกับสนธิสัญญารัสเซีย-นาโต้ที่ลงนามเมื่อปี 1997 ซึ่งนาโต้จะไม่ส่งกองกำลังไปเพิ่มอีกในบริเวณติดกับชายแดนของรัสเซีย ท่าทีนี้ทำให้รัสเซียต้องส่งกองกำลังติดอาวุธประชิดชายแดนเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ
ก่อนหน้านั้น ในการประชุมสุดยอดที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นาโต้ได้ตัดสินใจส่งทหารไปประจำการทางเขตตะวันออกตั้งแต่ต้นปี 2017 โดยจะส่งทหาร 4 กองพันไปประจำการในโปแลนด์และ 3 ประเทศในเขตบอลติก ประกอบด้วย เอสโตเนีย ลัตเวียและลิทัวเนีย ส่วนอังกฤษ แคนาดา เยอรมนีและสหรัฐยังได้เห็นพ้องที่จะทำหน้าที่บัญชาการ 4 กองพันดังกล่าว ในขณะที่ 24 ประเทศพันธมิตรของนาโต้จะมีส่วนร่วมด้านการขนส่ง การสื่อสารและสาธารณสุข

ความเสี่ยงที่จะเกิดการแข่งขันด้านการทหาร
บรรดาผู้สังเกตการณ์ได้แสดงความเห็นว่า การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องครั้งนี้คือการระดมทหารที่ใหญ่ที่สุดของนาโต้นับตั้งแต่หลังยุคสงครามเย็น แต่นาย เจนส์ สโตลเตนเบิร์ เลขาธิการนาโต้ได้ยืนยันว่า นาโต้ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับรัสเซีย และไม่อยากเห็นการแข่งขันด้านการทหาร สิ่งที่นาโต้กำลังปฏิบัติมีเป้าหมายเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น แต่การอธิบายของนาโต้ไม่สามารถโน้มน้าวให้รัสเซียคิดตามได้โดยรัสเซียประกาศอย่างต่อเนื่องว่า การส่งทหารและการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของนาโต้คือการกระทำที่ยั่วยุและสร้างภัยคุกคามต่อรัสเซีย การที่นาโต้กำลังประชิดชายแดนของรัสเซียอาจจะส่งผลกระทบต่อสันติภาพระหว่างตะวันออกกับตะวันตก
ในทางเป็นจริง รัสเซียไม่ยอมนิ่งเฉยและได้มีการตอบโต้ ซึ่งรัสเซียกำลังมีชัยภูมิที่สำคัญในสนามรบคือจังหวัด Kaliningrad ที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในยุโรป เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัสเซียได้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ Iskander ที่มีพิสัยการยิงไกลกว่า 500 กิโลเมตร และสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ ขบวนเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซีย 8 ลำได้เดินเรือผ่านช่องแคบ Manche ของอังกฤษ กองทัพรัสเซียยังจัดการซ้อมรบในเขตชายแดนที่ติดกับนาโต้หลายครั้งโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยได้มีการระดมทหารนับพันนายและอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อสนับสนุนการซ้อมรบที่รัสเซียเรียกว่า เพื่อตรวจสอบความสามารถพร้อมรบในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ความสัมพันธ์ระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างนาโต้กับรัสเซียกำลังอยู่ในระดับต่ำที่สุดภายหลังสงครามเย็นเนื่องจากวิกฤตในยูเครน โดยเฉพาะการที่รัสเซียผนวกแหลมไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย และเมื่อเร็วๆนื้คือวิกฤตในซีเรีย ตามการประเมินของบรรดานักวิเคราะห์ ถ้าหากรัสเซียเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมากกว่าในด้านเศรษฐกิจเมื่อความร่วมมือกับตะวันตกชะลอตัว นาโต้ก็เป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในด้านความมั่นคง โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ตลอดจนภูมิภาคตะวันออกกลาง และปัจจุบันคือการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสในยุโรป ดังนั้นความสัมพันธ์ที่เลวร้ายระหว่างรัสเซียกับนาโต้และสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก.