หลังจากที่กรมการเมืองพรรคประกาศมติที่ 57 และนายกรัฐมนตรีประกาศแผนปฏิบัติการตามมติดังกล่าว สถานประกอบการด้านเทคโนโลยีได้ขานรับอย่างเต็มที่โดยให้คำมั่นพร้อมปฏิบัติผ่านการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมรับโอกาสพัฒนาใหม่อย่างเต็มที่
ในเวลาที่ผ่านมา เครือบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเวียดนาม เอฟพีที ได้เดินพร้อมกับรัฐบาลในการดึงดูดการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์เข้าเวียดนาม มีการเชื่อมโยงข้ามชาติ นำอุตสากรรมการส่งออกซอฟแวย์และการบริการทางดิจิทัลของเวียดนามออกสู่ตลาดโลก นาย เจืองยาบิ่งห์ ประธานสภาบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ของเครือบริษัทเอฟพีที ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เวียดนามสามารถเลื่อนขึ้นติดอันดับหนึ่งในด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอและเซมิคอนดักเตอร์ และในอีกสองสามทศวรรษที่จะถึง โลกจะต้องการตลาดเวียดนาม และมติที่ 57 พร้อมนโยบายเชิงก้าวกระโดดต่างๆ จะช่วยแก้ไขอุปสรรคเพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้สถานประกอบการต่างๆ ดั่งเช่นบริษัทเอฟพีที ก้าวรุดหน้าต่อไป ส่วนนาย เหงวียนจุงชิ้ง ประธานสภาผู้บริหารและประธานซีอีโอของเครือบริษัท CMC เผยว่า เครือบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีส่วนร่วมช่วยให้เวียดนามพัฒนาเป็นประเทศนำหน้าในด้านนวัตกรรมของภูมิภาค เสริมสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่พึ่งตนเองและยั่งยืน โดยในเวลาที่ผ่านมา ทางเครือบริษัทฯ ได้มียุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างชัดเจนเพื่อเตรียมพร้อมในทุกด้าน เช่น ยุทธศาสตร์การปรับเปลี่ยนด้านเอไอ การพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้งที่ดีที่สุดในเวียดนามและในระดับภูมิภาค ในฟอรั่มแห่งชาติเกี่ยวกับสถานประกอบการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเวียดนามครั้งที่ 6 ที่มีขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นาย เหงวียนจุงชิ้ง ย้ำว่า
“เราจะก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับนวัตกรรมที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเมื่อ 3 ปีก่อน เราได้ซื้อที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่การขอใบอนุญาตยังไม่เสร็จ ผมคิดว่า การออกมติที่ 57 นี้จะช่วยให้ขั้นตอนระเบียบการสะดวกรวดเร็วมากขึ้นเพื่อสามารถดำเนินโครงการโดยเร็ว”
ในขณะเดียวกัน เครือบริษัทวีเอ็นพีทีก็ให้คำมั่นว่า ถึงปี 2027 จะสามารถบริหารการดำเนินรูปแบบ GenAI Make in Viet Nam ในด้านภาษา ภาพถ่าย เสียงและข้อมูล ส่วนเครือโทรคมนาคมเวียดเทลตั้งเป้าไว้ว่า ถึงปี 2027 จะมีอุปกรณ์ 5G ที่ทันสมัยและถึงปี 2030 จะเป็นเจ้าแรกที่มีอุปกรณ์ 6G ในเชิงพาณิชย์ ส่วนในปีนี้จะเสร็จสิ้นร่างโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตชีฟเซมิคอนดักเตอร์เพื่อยื่นต่อรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นฐานให้ถึงปี 2030 จะมีโรงงานผลิตชีฟเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกในเวียดนาม
สำหรับสถานประกอบการด้านเทคโนโลยีขนาดย่อม มติที่ 57 ก็ถือเป็นแหล่งพลังใหม่ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าร่วมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยให้ตลาดภายในประเทศคึกคักมากขึ้นและสร้างเครื่องหมายการค้าภายในประเทศที่เข้มแข็งในด้านเทคโนโลยีเพื่อมุ่งไปสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะมีกลไกเชิงก้าวกระโดดเพื่อพัฒนาแหล่งบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง นาย เจิ่นฟุ๊กห่ง รองผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีทีเอ็มเอแสดงความเห็นว่า
“เรามีความปรารถนาว่า จะมีนโยบายและมาตรการเชิงก้าวกระโดดช่วยให้สถานประกอบการลดค่าใช้จ่าย มีแหล่งพลังที่หลากหลาย ปัจจุบันนี้ เรากำลังมีแหล่งบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัลที่อุดมและมีคุณภาพดี แต่สำหรับด้านเทคโนโลยีใหม่เช่น เซมิคอนดักเตอร์และเอไอ เรายังขาดมากพอสมควร”
แรงกระตุ้นเพื่อให้สถานประกอบการกล้าปฏิบัติตามความคิดและแนวทางใหม่ๆ
ในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังผสมผสานเข้ากับกระแสโลก มติที่ 57 ถือเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่เปิดโอกาสให้แก่สถานประกอบการด้านดิจิทัล ซึ่งน่าสนใจคือการกำหนดให้สงวนจีดีพีร้อยละ 2 เพื่อผลักดันกระบวนการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล ช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามมีโอกาสพัฒนาเทคโนโลยี Make in Vietnam สำหรับหน่วยงานและอุตสาหกรรมทุกแห่ง รวมทั้งการผลิตของสถานประกอบการและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ทั้งนี้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลจะมีส่วนร่วมสำคัญพิเศษช่วยให้เวียดนามกลายเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้อยู่ในระดับสูงภายในปี 2045 ซึ่ง มติที่ 57 ได้สร้างพลังจุงใจและเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความรับผิดชอบของสถานประกอบการ สนับสนุนให้พวกเขากล้าคิดกล้าทำในการดำเนินการข้อคิดใหม่ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรมและรับโอกาสได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนมีความเชื่อมั่นในการมีส่วนร่วมกับทั้งประเทศก้าวเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาดอย่างเต็มพลัง.