ภาพรวมการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของสถานประกอบการเวียดนาม

Huyền
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ด้วยการเปิดกว้างของเศรษฐกิจและข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีหรือ FTA ฉบับใหม่ สถานประกอบการเวียดนามกำลังมีโอกาสมากมายเพื่อพัฒนา การส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการสนับสนุนจากกลไกและนโยบาย สถานประกอบการเวียดนามกำลังสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันไม่เพียงแต่ในตลาดภายในประเทศเท่านั้น หากยังรวมถึงตลาดระดับภูมิภาคและทั่วโลกอีกด้วย
 
 
ภาพรวมการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของสถานประกอบการเวียดนาม - ảnh 1(tapchitaichinh.vn)

 

การประยุกต์ใช้ การถ่ายทอดใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการยกระดับผลผลิต คุณภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของผลผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์ ในเวลาที่ผ่านมา สถานประกอบการเวียดนามหลายแห่งได้ลงทุนอย่างแข็งขันในด้านนวัตกรรม ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน

สร้างระบบนิเวศการผลิตและบริการที่ยั่งยืน

ในฐานะสถานประกอบการที่มีอายุเกือบ 65 ปี บริษัทหุ้นส่วนหลอดไฟ กระติกน้ำร้อน Rang Dong ได้เปลี่ยนแปลงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหลายครั้ง โดยจัดตั้งศูนย์วิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดทำยุทธศาสาตร์การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล นาย เหงวียนดว่านเก๊ต รองผู้อำนวยการของบริษัทหุ้นส่วนหลอดไฟ กระติกน้ำร้อน Rang Dong เผยว่า ทางบริษัทฯได้พัฒนาการผลิตอัจฉริยะ โดยใช้หุ่นยนต์ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่งสำหรับอุตสาหกรรมหรือ IIoT และการผลิตตามความต้องการของลูกค้า

 “เราพัฒนาการผลิตอัจฉริยะและคล่องตัว มุ่งสู่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความสำเร็จของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ในด้านการผลิต บนพื้นฐานการศึกษาวิจัยรูปแบบของประเทศต่างๆ ทางบริษัทฯได้ถอดประสบการณ์เพื่อสร้างรูปแบบเฉพาะสำหรับสถานประกอบการที่ผลิตอุตสาหกรรมที่มีประวัติยาวนาน เราต้องพัฒนาระบบเครื่องจักรและอุปกรณ์อัตโนมัติที่สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน”

ด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในด้านการเกษตร เครือบริษัท Nafoods   ก็เป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่เดินหน้านำระบบดิจิทัลมาใช้ในพื้นที่เพาะปลูกและ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการส่งออกไปยังตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวด ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสาวรสของบริษัทฯถูกส่งออกไปยัง 70 ประเทศและสร้างรายได้หลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ นาย ฟานวันซวน ตัวแทนของเครือบริษัท Nafoods เผยว่า

“เรารับซื้อสินค้าจากแหล่งวัตถุดิบที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต จึงได้รับการควบคุม ตรวจสอบแหล่งที่มาและมีการดูแลตามกระบวนการทางเทคนิคที่เข้มงวดด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้น ผลิตภัณ์จึงมีคุณภาพสูงอยู่เสมอ”

ในขณะเดียวกัน เครือบริษัทสัตว์น้ำมิงฟู้ ที่ใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงกุ้งแบบชีวภาพ MPBiO ได้ประสบความสำเร็จในการใช้จุลินทรีย์เพื่อควบคุมเชื้อโรค เพิ่มภูมิคุ้มกันของกุ้ง และใช้จุลินทรีย์ในการบำบัดน้ำในบ่อเลี้ยง ดังนั้น ต้นทุนด้านเคมีลดลงร้อยละ 95 ค่าไฟฟ้าลดลงร้อยละ 50-70 ค่าอาหารลดลงกว่าร้อยละ 30 ผลผลิตบรรลุกว่า 70,000 ตันต่อปี ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสัตว์น้ำมิงฟู้เข้าถึงลูกค้าในสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรปและสาธารณรัฐเกาหลี

ยืนยันแบรนด์สินค้าเวียดนามและการก้าวไปสู่ตลาดโลก

ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ โอกาสที่ใหญ่ที่สุดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4  ที่สถานประกอบการต่างๆได้รับก็คือ การเข้าถึงเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้นด้วยการพัฒนายกระดับระบบการผลิตแบบอัตโนมัติที่ทันสมัยมากขึ้น  ซึ่งทำให้สถานประกอบการเวียดนามมีความมั่นใจมากขึ้นในการยืนยันเครื่องหมายการค้าทั้งในตลาดภายในประเทศและเข้าถึงตลาดต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น เครื่องหมายการค้าของผลิตภัณฑ์นม Vinamilk สามารถเข้าถึงตลาดของกว่า 60 ประเทศและดินแดน กาแฟ Trung Nguyen ที่พยายาม นำกาแฟเวียดนามพิชิตตลาดโลก  ข้าว ST25 ได้รับรางวัลข้าวที่อร่อยที่สุดของโลกอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีบริษัทเทคโนโลยีของเวียดนามหลายแห่งได้พัฒนาเติบโตที่เป็นก้าวกระโดด และได้ถูกระบุในรายชื่อกลุ่มบริษัทที่ทำรายได้สูงเป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านซอฟต์แวร์ เช่น กลุ่มบริษัท Viettel กลุ่มบริษัท FPT และกลุ่มบริษัท CMC นาย เลวันหว่าง ประธานกลุ่มเทคโนโลยี Kaopiz Holding ซึ่งเป็นสถานประกอบการเวียดนามที่ประสบความสำเร็จในตลาดญี่ปุ่นในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ยืนยันว่า

“เวียดนามได้พัฒนาตามหลังในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่วิศวกรของเวียดนามมีทักษะความสามารถที่ดีมาก ไม่แพ้วิศวกรในโลก และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงเทียบเท่ากับของบริษัทระดับโลก ผมคิดว่า เวียดนามกำลังมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาประเทศและยืนยันถึงสถานะบนแผนที่เทคโนโลยีสารสนเทศโลก”

ด้วยการเติบโตของการส่งออกที่น่าประทับใจ เวียดนามเข้ากลุ่ม 20 ประเทศที่มีกิจกรรมการค้าชั้นนำของโลก เวียดนามยังได้รับการชื่นชมเป็นอย่างสูงในการสร้างสรรค์และพัฒนาเครื่องหมายการค้าแห่งชาติ และมีการเติบโตทางมูลค่าเครื่องหมายการค้าเร็วที่สุดในโลกในช่วงปี 2020 - 2022

ในการปฏิวัติ 4.0 สถานประกอบการเวียดนามตระหนักถึงจุดแข็งของตนเพื่อมีการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ปรับตัว ส่งเสริมนวัตกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยการสนับสนุนและการช่วยเหลือของรัฐบาล สถานประกอบการเวียดนามจึงก้าวเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกด้วยความเชื่อมั่นในความสำเร็จ.

คำติชม