พัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนคือแนวทางที่มีความรับผิดชอบของเวียดนาม

Hong Van - VOV5
Chia sẻ
(VOVWORLD) -วันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวียดนามได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ FAO ย่านเอเชีย – แปซิฟิกหรือ APRC ครั้งที่ 37 ณ ประเทศศรีลังกา ซึ่งในระหว่างจัดประชุมเป็นเวลา3 วันจะมีการหารือเกี่ยวกับความท้าทายและปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงอาหารและการเกษตรอย่างยั่งยืนที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ พร้อมทั้งผลักดันการเชื่อมโยงภายในภูมิภาค ในการประชุมครั้งนี้ เวียดนามได้ยืนยันอีกครั้งถึงความรับผิดชอบในการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนและการขยายตัวแห่งสีเขียว
พัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนคือแนวทางที่มีความรับผิดชอบของเวียดนาม - ảnh 1ภาพประกอบข่าว (congthuong.vn)

การพัฒนาเกษตรและชนบทอย่างยั่งยืนคือแนวทางหลักและเป็นเสาหลักเพื่อค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหาร มีส่วนร่วมต่อการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การส่งออก ยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก

มุ่งสู่การขยายตัวแห่งสีเขียวและพัฒนาการเกษตรเชิงนิเวศ

การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไม่เพียงแค่เป็นคำขวัญที่ถูกย้ำเท่านั้น หากได้กลายเป็นเป้าหมายที่ถูกระบุในโครงการพัฒนาต่างๆ ซึ่งกระบวนการปฏิบัติจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า จิตสำนึกเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียวเริ่มมีความพร้อมเพรียงตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงการประกอบธุรกิจ การแปรรูปและผู้บริโภค นี่คือแนวทางที่เข้มแข็งเพื่อให้เวียดนามปรับตัวเข้ากับโลก นาย เลมิงฮวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเผยว่า

“การเกษตรแห่งสีเขียวเป็นแนวโน้มที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวและในทางเป็นจริงเกษตรกรเวียดนามก็สามารถปรับตัวได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ที่เมืองตื๊อกี่ จังหวัดหายเยือง เกษตรกรได้ปลูกข้าวพร้อมกับการเลี้ยงตัวร้อยขา และปูในแปลงเดียว ซึ่งเพิ่มมูลค่าอีก 3 เท่าหรือรูปแบบการปลูกข้าวพร้อมกับการเลี้ยงกุ้งและปลาที่จังหวัดบากเลียวและก่าเมา เป็นต้น เกษตรกรเวียดนามกำลังมุ่งสู่ระบบการเกษตรเชิงนิเวศ ดังนั้น อุตสาหกรรมการเกษตรเวียดนามควรขยายผลรูปแบบนี้ ซึ่งเป็นแนวโน้มการเกษตรครบวงจร การเกษตรแห่งสีเขียวและการเกษตรเชิงนิเวศ”

เพื่อผลักดันการขยายตัวแห่งสีเขียว ปีนี้เป็นปีแรกในระยะแรกระหว่างปี 2024-2025 ที่เวียดนามปฏิบัติโครงการ “ พัฒนาพื้นที่ปลูกข้าวที่มีคุณภาพสูงและปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำพร้อมกับการขยายตัวแห่งสีเขียวของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงถึงปี 2030” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของเวียดนามต่อประชาคมระหว่างประเทศในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสร้างสรรค์ระบบการเกษตรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ

ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศแผนปฏิบัติการแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนระบบธัญญาหารถึงปี 2030 โดยตั้งเป้าไว้ว่า จะพัฒนาเป็นผู้ผลิตและจัดสรรอาหารที่โปร่งใส มีความรับผิดชอบและยั่งยืนดั่งคำมั่นที่ให้ไว้ในการประชุมสุดยอดของสหประชาชาติเกี่ยวกับระบบธัญญาหารและอาหารปี 2021

พัฒนาในเชิงลึก

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษรอย่างยั่งยืน การปรับสู่ยุคดิจิทัลถือเป็นมาตรการเชิงก้าวกระโดดที่สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การขยายตัวและพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหาร การผลิต การประกอบธุรกิจ การตรวจสอบย้อนกลับ ห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งสร้างความโปร่งใสและความแม่นยำเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า ผลักดันการผลิตและการจำหน่าย ซึ่งเปิดโอกาสพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ควบคู่กันนั้น ในปีนี้ การเกษตรเวียดนามจะปรับปรุงการผลิตตามการแบ่งเขตปลูกสินค้าเฉพาะ ปฏิบัติการบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ การตรวจสอบย้อนกลับ วางแผนการผลิตสอดคล้องกับฝ่ายตลาด ค้ำประกันแหล่งสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งภายในและต่างประเทศ ผลักดันการส่งเสริมการค้า การเจรจาเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เป็นต้น นาย ฝุ่งดึ๊กเตี๊ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเผยว่า

“ทั้งระบบอุตสาหกรรมการเกษตรจะปฏิบัติกฎหมาย ยุทธศาสตร์ โครงการและแผนการต่างๆ เพื่อพัฒนาหน่วยงาน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรและชนบทอย่างยั่งยืนในระยะปี 2021-2030 แผนการปฏิรูปอุตสาหกรรมการเกษตรระยะปี 2021-2025 โครงการเป้าหมายแห่งชาติเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ระยะปี 2021-2025 เป็นต้น เพื่อปรับความคิดในการผลิตการเกษตรไปยังความคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเกษตร เปลี่ยนแปลงมาเป็นความร่วมมือหลายรูปแบบหลายฝ่าย ผลักดันการผลิตแบบเอนกประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่า และเปลี่ยนจากการผลิตแบบจัดสรรสินค้ามาเป็นการผลิตเพื่อประกอบธุรกิจ

ความมีเสถียรภาพและการพัฒนาในเชิงลึกของอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนให้แก่การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2024 และมีส่วนร่วมปกป้องความมั่นคงด้านอาหารของโลกอีกด้วย.

คำติชม