ฝรั่งเศส – เยอรมนีผลักดันความร่วมมือภายในอียู

Hong Van - VOV5
Chia sẻ
(VOVWORLD) - หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นเวลา 1 วัน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส  เอ็มมานูเอล มาครง ได้เดินทางไปเยือนประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรกโดยเรียกร้องให้ร่วมกันกับยุโรปทำการปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์เพื่อต่อต้านกับลัทธิประชานิยมที่กำลังขยายไปทั่ว ซึ่งผลการเยือนเยอรมนีครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศสเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมผลักดันความร่วมมืออย่างกว้างลึกภายในอียูมากขึ้น
ฝรั่งเศส – เยอรมนีผลักดันความร่วมมือภายในอียู - ảnh 1ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี (Photo THX/TTXVN)

เยอรมนีเป็นประเทศแรกในการเยือนต่างประเทศของผู้นำฝรั่งเศสหลายคนหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง นับตั้งแต่เมื่อปี 1963 ประธานาธิบดีฝรั่งเศส Charles de Gaulle และนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Konrad Adenauer ได้ลงนามสนธิสัญญาเอลิเซ ความร่วมมือเยอรมนี – ฝรั่งเศสก็ได้กลายเป็นเสาหลักในนโยบายการต่างประเทศของทั้งสองประเทศและกลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่ความเป็นเอกภาพของยุโรป

ส่วนการเยือนประเทศเยอรมนีในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ก็เหมือนกับการเยือนของอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนก่อนๆที่มุ่งย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในการปฏิบัติเป้าหมายต่างๆของยุโรป โดยทั้งสองประเทศมีความประสงค์ที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เช่น ความมั่นคง เศรษฐกิจ การลงทุนและการปกป้องสังคม

ยุโรปเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายการต่างประเทศของฝรั่งเศส

ปัญหาที่ร้อนระอุในปัจจุบันของยุโรปนอกจากปัญหาการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มความเข้มงวดด้านความมั่นคงแล้ว ก็ยังมีปัญหาด้านเป็นเอกภาพและความสามัคคีภายในกลุ่มอีกด้วย ซึ่งการที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูหรือ Brexit และการเกิดกระแสประชานิยมทั่วทวีปยุโรปได้ทำให้ประเทศชั้นนำในยุโรปอย่างฝรั่งเศสและเยอรมนีต้องมีหน้าที่ที่หนักหน่วงและลำบากคือสร้างพื้นฐานใหม่แก่สหภาพยุโรปและทำการปฏิรูปอียูเพื่อไม่ให้ล่มสลายเหมือนที่ประชามติกังวลในเวลาที่ผ่านมา

ในการหาเสียงเลือกตั้ง นายมาครงได้กล่าวสนับสนุนอียูและการผสมผสานด้านการค้าและความสามัคคีภายในกลุ่ม แม้กระทั่งมีความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์ยุโรปที่ผสมผสานอย่างกว้างลึกมากขึ้น โดยมีทั้งงบประมาณร่วม มีรัฐสภาร่วมและมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วม พร้อมทั้งแสดงความปรารถนาว่า ในการประชุมของสภายุโรปในเดือนมิถุนายนนี้ บรรดาประเทศสมาชิกจะอนุมัติขั้นตอนการปฏิบัติเกี่ยวกับปัญหาที่ฝรั่งเศสกำลังสนใจ เช่น การปฏิรูปยูโรโซนและความคืบหน้าด้านการเงินของอียูในเวลาข้างหน้า ในพิธีสาบานตนเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ประธานาธิบดีที่มีอายุน้อยที่สุดของฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้ย้ำอีกครั้งในฐานะประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า มีความปรารถนาให้ยุโรปก้าวรุดหน้าไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล ณ กรุงเบอร์ลิน นาย มาครงได้แสดงความประสงค์ว่า ในอนาคตอียูจะเพิ่มความใส่ใจในการทำงานและสามารถปกป้องตนเองได้ดีขึ้น พร้อมทั้งยืนยันว่า สำหรับประเทศฝรั่งเศส การปรับปรุงสนธิสัญญายุโรปในการปฏิรูปอียูไม่ใช่เรื่องต้องห้าม และในด้านการค้า นาย มาครงได้เผยว่า บรรดาบริษัทยุโรปต้องมีความเข้มแข็งมากขึ้นต่อกระแสการค้าเสรี

ฝรั่งเศสและเยอรมนีประสานงานเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาให้แก่อียู

ในการขานรับข้อเสนอของประธานาธิบดีฝรั่งเศสเกี่ยวกับการสร้างสรรค์อียูให้เข้มแข็งมากขึ้น นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล ได้ถือว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับอียู อียูจะเข้มแข็งก็ต่อเมื่อฝรั่งเศสเข้มแข็ง สองประเทศมหาอำนาจของอียูมีความปรารถนาที่จะสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่ความร่วมมือทวิภาคีและสหภาพฝรั่งเศส – เยอรมนี ทั้งสองประเทศมีความเข้าใจร่วมกันว่า ไม่ควรเน้นให้ความสำคัญกับการถอนตัวออกจากอียูของอังกฤษเพียงอย่างเดียว หากก่อนอื่นและสำคัญที่สุดคือต้องแสวงหามาตรการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในสหภาพให้ลึกซึ้งมากขึ้นและช่วยให้ยูโรโซนสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ดีขึ้น พร้อมทั้งเห็นด้วยกับแนวคิดเกี่ยวกับการปฏิรูปอียูของประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยเผยว่า พร้อมปรับปรุงสนธิสัญญายุโรป แต่ก่อนอื่น ทุกฝ่ายต้องกำหนดปัญหาที่ต้องปฏิรูปในอียูเพื่อปฏิบัติขั้นตอนต่อไป

ก่อนการเยือนครั้งนี้ของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยอรมนีเคยแสดงความวิตกกังวลว่า การปฏิรูปอย่างเด็ดขาดของนาย มาครง เป็น “สิ่งเพ้อฝัน” ในสภาวการณ์ที่ยูโรโซนกำลับประสบวิกฤต โดยโฆษกของกระทรวงการคลังเยอรมนีได้เผยว่า แนวทางของนาย มาครงจะต้องทำการปรับปรุงสนธิสัญญายุโรป ซึ่งต้องมีการอนุมัติจากทุกประเทศสมาชิกอียู ดังนั้น นี่ไม่ไช่ความคิดที่ดีแต่หลังการเจรจากับประธานาธิบดีฝรั่งเศส นาง อังเกลา แมร์เคิล ได้เปิดโอกาสให้มีการเปลี่ยนแปลงหากเป็นเรื่องที่จำเป็น

ฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นสองประเทศแกนนำของอียู ซึ่งความร่วมมือระหว่างประธานาธิบดี มาครงกับนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมไม่เพียงแต่สร้างแรงผลักดันให้แก่ความร่วมมือทวิภาคีเท่านั้นหากยังเป็นพื้นฐานเพื่อกำหนดเส้นทางการพัฒนาของอียูในสภาวการณ์ที่สหภาพยุโรปกำลังต้องการเชื่อมโยงและความเป็นเอกภาพ.

คำติชม