(VOVWorld)-
ตามคำเชิญของท่าน สีจิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานประเทศจีน วันนี้๑๒มกราคม ท่าน เหงวียนฟู้จ๋อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา๔วัน วัตถุประสงค์ของการเยือนดังกล่าวก็เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาอย่างมีเสถียรภาพและเข้มแข็งเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก
ท่าน เหงวียนฟู้จ๋อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
(Photo: vietnamplus.vn)
|
การเยือนจีนครั้งนี้ของเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ๋องได้มีขึ้นก่อนพิธีฉลองครบรอบ๖๗ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและเทศกาลตรุษเต๊ตตามประเพณีของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสเพื่อให้ผู้นำพรรคและรัฐของทั้งสองประเทศได้พบปะสังสรรค์และหารือเกี่ยวกับมารตรการผลักดันความสัมพันธ์และกำหนดแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในระยะยาว
ความร่วมมือมิตรภาพยังเป็นแนวทางหลัก
เวียดนามและจีนเป็นสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานที่ประธานโฮจิมินห์ ประธาน เหมา เจ๋อตุงและบรรดาผู้นำหลายรุ่นของทั้งสองประเทศได้ทำนุบำรุง ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าของทั้งสองประชาชาติ ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้เกิดความผันผวนในหลายช่วงแต่ความร่วมมือมิตรภาพยังเป็นแนวทางหลัก
ภายหลังการปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นปกติเมื่อปี๑๙๙๑ ความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพเวียดนาม-จีนได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในหลายด้าน โดยทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์ในทุกด้านเมื่อปี๒๐๐๘เพื่อขยายและกระชับความสัมพันธ์เวียดนาม-จีนตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายยังธำรงการพบปะสังสรรค์ระดับสูง ซึ่งมีส่วนร่วมส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมือง ผลักดันความร่วมมือย่างเป็นรูปธรรมและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาอย่างเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะ ความร่วมมือระหว่างกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆได้รับการธำรงและสร้างประสิทธิภาพที่เป็นรูปธรรม นาย ดั๋งมิงโทย เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศจีนได้ยืนยันว่า“ความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นต่างๆของทั้งสองประเทศเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ภายหลังการปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นปกตินับตั้งแต่ปี๑๙๙๑มาจนถึงปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะ ๗จังหวัดชายแดนภาคเหนือและนครต่างๆ เช่น กรุงฮานอย นครโฮจิมิน์และจังหวัดบิ่งเยืองกับท้องถิ่นต่างๆของจีนได้รับการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยได้มีส่วนร่วมผลักดันการแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝ่ายทั้งในด้านการค้า การลงทุน การพบปะสังสรรค์และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่”
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าได้รับการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพและมีความสมดุลย์มากขึ้น ในปี๒๐๑๗ ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น๑แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี๒๐๑๖ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนเวียดนามอยู่ที่กว่า๒.๓ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ๖๐เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กิจกรรมการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชนได้มีขึ้นอย่างคึกคัก ซึ่งมีส่วนร่วมส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
นาย ดั๋งมิงโทย เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศจีน
|
ความพยายามในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
นอกเหนือจากผลสำเร็จที่ได้บรรลุแล้ว ทั้งสองประเทศมีปัญหาความขัดแย้งที่ยังคั่งค้างอยู่ โดยเฉพาะ ปัญหาทะเลตะวันออกที่ทั้งสองประเทศต้องพยายามแก้ไขซึ่งความผันผวนครั้งล่าสุดในทะเลตะวันออกได้แสดงให้เห็นว่า จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล ผู้นำพรรคและรัฐของทั้งสองประเทศได้ทำการหารือหลายครั้งและบรรลุความเข้าใจร่วมที่สำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการพิพาททางทะเลบนพื้นฐานของการให้ความเคารพผลประโยชน์อันชอบธรรมของแต่ละฝ่ายและปฏิบัติตามกฎหมายสากล ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะปฏิบัติความเข้าใจร่วมและข้อตกลงระดับสูง รวมถึง ข้อตกลงเกี่ยวกับหลักการขั้นพื้นฐานในการชี้นำการแก้ไขปัญหาทางทะเลเวียดนาม-จีน ปฏิบัติกลไกการเจรจาระดับรัฐบาลเกี่ยวกับแนวชายแดนและดินแดนเวียดนาม-จีน ร่วมกันแก้ไขปัญหาการพิพาททางทะเล ไม่มีปฏิบัติการที่ทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากขึ้นและขยายการพิพาท ปฏิบัติแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีและมุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว แก้ไขทุกปัญหาการพิพาทอย่างสันติและสอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้ง อนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒ สำหรับปัญหานี้ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศจีน ดั๋งมิงโทยได้เห็นว่า
“จีนเป็นประเทศใหญ่ที่กำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง นับตั้งแต่ปี๒๐๑๐ จีนได้กลายเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับสองของโลกและปัจจุบัน จีนได้บรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่พวกเราเห็นว่า จีนจะพัฒนาอย่างเข้มแข็งมากขึ้นถ้าหากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีสันติภาพและเสถียรภาพ ซึ่งก็เป็นผลประโยชน์ของจีน ในการหารือต่างๆ พวกเราได้ชี้ชัดถึงเรื่องนี้และจีนต้องทำอย่างไรเพื่อให้ประชามติโลกและภูมิภาคยอมรับว่า จีนเป็นประเทศใหญ่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค”
การเยือนจีนครั้งแรกของเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ๋องภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่๑๒มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันว่า พรรค รัฐและประชาชนเวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์เพื่อนบ้านมิตรภาพและความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันกับจีน ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายการต่างประเทศของเวียดนาม โดยมีความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์ในทุกด้านเวียดนาม-จีนอย่างมีเสถียรภาพ เข้มแข็งและยั่งยืนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก.