ท่าน ฝ่ามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีเวียดนามเยือนประเทศบราซิลอย่างเป็นทางการ

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เป็นผู้นำของพรรคและรัฐบาลเวียดนามท่านแรกที่เดินทางไปเยือนประเทศบราซิลอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่การเยือนเมื่อปี 2007 ของท่าน นงดึ๊กแหม่ง อดีตเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ดังนั้น การเยือนครั้งนี้จึงมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อการขยายความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศในอนาคต

บราซิลเป็นหุ้นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ของเวียดนามในอเมริกาใต้

เวียดนามและบราซิลได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมปี 1989 โดยเมื่อปี 2000 เวียดนามได้เปิดสถานทูตประจำประเทศบราซิลและก่อนหน้านี้ในปี 1994 บราซิลได้เปิดสถานทูต ณ กรุงฮานอย ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเมื่อเดือนพฤษภาคปี 2007 ในตลอดกว่า 34 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนับวันพัฒนาอย่างกว้างลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นบนพื้นฐานการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ตรงกันเกี่ยวกับสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา ทั้งสองฝ่ายได้พยายามผลักดันการเยือนระหว่างกันในทุกระดับ ส่วนในเวทีพหุภาคี เวียดนามและบราซิลได้แลกเปลี่ยนทัศนะและสนับสนุนกันเกี่ยวกับปัญหาระดับโลกต่าง ๆ ร่วมมือกันในด้านการทูตและมีกลไกร่วมมือในด้านกลาโหม การเกษตร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การศึกษาฝึกอบรมและวัฒนธรรม เป็นต้น

สำหรับเวียดนาม บราซิลถือเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญอันดับหนึ่งในภูมิภาคอเมริกาใต้ ในฐานะประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่อันดับ 5 ของโลก รวมประชากรกว่า 211 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยศักยภาพสำหรับสถานประกอบการเวียดนาม บราซิลยังเป็นประตูช่วยให้เวียดนามสู่ตลาดลาตินอเมริกา และเวียดนามก็เป็นประตูสู่ตลาดอาเซียนและเอเชียสำหรับสถานประกอบการบราซิล เวียดนามส่งออกสินค้าต่างๆ ไปยังบราซิล เช่น สัตว์น้ำ ไขมันจากสัตว์ ข้าว เหล็กกล้า เซรามิค ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รองเท้าและเสื้อผ้า เป็นต้น ส่วนบราซิลส่งออกสังกะสี พลาสติก เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ยางพารา เส้นด้าย เป็นต้น ไปยังเวียดนาม เมื่อปี 2022 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้บรรลุ 6.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันนี้ บราซิลมีโครงการลงทุนในเวียดนาม 6 โครงการ ยอดเงินทุนจดทะเบียน 3.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสองประเทศยังมีศักยภาพอีกมากมายเพื่อขยายความร่วมมือเนื่องจากบรรดาประเทศสมาชิกของกลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่างหรือ MERCOSUR รวมทั้งบราซิลต่างแสดงความประสงค์ว่าจะขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกับเวียดนาม

เปิดโอกาสแห่งความร่วมมือในหลายด้าน

มุ่งสู่การรำลึกครบรอบ 35 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2024 เวียดนามและบราซิลกำลังขยายความร่วมมือทวิภาคี กลไกคณะกรรมการผสมและการทาบทามความคิดเห็นทางการเมือง ขยายการสนทนาและเชื่อมโยงระหว่างกระทรวง หน่วยงานและสถานประกอบการระหว่างสองประเทศ ปรับปรุงกรอบทางนิตินัยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในด้านการค้าการเกษตรและความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและประชาชน ตลอดจนความร่วมมือระหว่างองค์กรมิตรภาพต่างๆ

ผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีคือเนื้อหาหลักในระเบียบวาระการเยือนบราซิลครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง นอกจากนี้ การเยือนบราซิลครั้งนี้ยังเปิดโอกาสแห่งความร่วมมือให้แก่ทั้งสองฝ่ายในด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การรักษาความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร การผสมผสานและความมั่นคงในภูมิภาค การขยายตัวอย่างยั่งยืนและเสมอภาคของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นั่นคือด้านที่ทั้งสองฝ่ายกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกัน โดยสามารถเรียนรู้ระหว่างกัน สนับสนุนกันและพึ่งพาระหว่างกันเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันใช้โอกาสเพื่อพัฒนา โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน

ในกรอบการเยือน การจัดฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนาม – บราซิลยังมีความหมายสำคัญต่อการหาโอกาสความร่วมมือและการลงทุนให้แก่สถานประกอบการเวียดนามและบราซิล ซึ่งถ้าหากมีโอกาสร่วมมือ จุดแข็งและศักยภาพในด้านเศรษฐกิจ การค้าและเทคโนโลยีของทั้งเวียดนามและบราซิลจะสามารถพัฒนามากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในภารกิจพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของทั้งเวียดนามและบราซิล

การเยือนประเทศบราซิลของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ก็เพื่อปรับปรุงความไว้วางใจทางการเมือง กระชับความร่วมมือในหลายด้านให้แน่นแฟ้นและนำความสัมพันธ์ทวิภาคีเข้าสู่ความจริงจังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วัฒนธรรม การศึกษาและการท่องเที่ยว การเยือนได้มีขึ้นก่อนช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศจะรำลึกครบรอบ 35 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2024 ซึ่งจะช่วยให้การรำลึกนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยกำหนดแนวทางให้แก่ภารกิจการกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับบราซิลขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่.