ประเพณีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งสะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าและความสามัคคีชนทั้งชาติของเวียดนาม

Bá Thi
Chia sẻ
(VOVWORLD) -  ในหลายปีที่ผ่านมา พิธีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่ง ที่ วิหารหุ่ง จังหวัดฟู้เถาะคือหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของประเทศ โดยมีประชาชนทั่วประเทศและชาวเวียดนามในต่างประเทศเข้าร่วมเป็นจำนวนมากเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อคุณูปการของบรรพกษัตริย์หุ่งในการสร้างชาติ แม้พิธีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งในทุกปีจะจัดขึ้นในขอบเขตและรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ล้วนเป็นกิจกรรมที่สื่อความหมายและเป็นสิ่งเตือนใจคนเวียดนามให้มุ่งใจสู่รากเหง้าของประชาชาติ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนในปัจจุบัน การเชิดชูความหมายของพิธีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง สร้างพลังที่เข้มแข็งของทั้งประชาชาติเพื่อนำประเทศฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายนานัปการ
ประเพณีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งสะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าและความสามัคคีชนทั้งชาติของเวียดนาม - ảnh 1ภาพพิธีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่ง ที่ วิหารหุ่ง จังหวัดฟู้เถาะ

ความหมายพิเศษของประเพณีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่ง

คนเวียดนามไม่ว่าจะเกิดหรือเติบโตที่ไหนต่างก็รู้จักคำที่มีความว่า “แม้คนเวียดนามจะไปทำมาหากินไกลแค่ไหนก็ยังคงจดจำและมาร่วมพิธีบวงสรวงบรรพกษัตริย์หุ่งในวันที่ 10 เดือน 3 ตามจันทรคติ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหมายและบทบาทที่สำคัญเป็นพิเศษของวันสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งของประชาชาติเวียดนาม ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ 10 เดือนสามตามจันทรคติ ชาวเวียดนามทั้งภายในและต่างประเทศหลายแสนคนจะเดินทางไปยังเขตโบราณสถานวิหารหุ่งที่จังหวัดฟู้เถาะเพื่อเข้าร่วมงานและรำลึกถึงคุณูปการของบรรพกษัตริย์หุ่งในการสร้างชาติ นอกจากการจัดงานสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งอย่างเป็นทางการที่เขตโบราณสถานวิหารหุ่งแล้ว ยังมีการจัดงานสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งอย่างสมเกียรติในท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศและในต่างประเทศอีกด้วย

เมื่อเดินทางไปเยือนเขตโบราณสถานวิหารหุ่งเมื่อวันที่ 9 กันยายนปี1954 ประธานโฮจิมินห์ได้กำชับว่า “บรรพกษัตริย์หุ่งมีคุณูปการในการสร้างชาติ เราทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจรักษาชาติให้มั่นคง”ซึ่งสื่อความหมายที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณูปการในการสร้างชาติของบรรพกษัตริย์หุ่งและคนรุ่นก่อน รวมทั้งบทบาท ความรับผิดชอบและภารกิจการสร้างสรรค์ ปกป้องและพัฒนาประเทศของคนเวียดนามในปัจจุบันและอนาคต

ความสามัคคีชนทั้งชาติเป็นพื้นฐานของการสร้างพลังอันแข็งแกร่งของชาติ
ประธานโฮจิมินห์ได้กล่าวถึงพลังที่แข็งแกร่งจากความสามัคคีว่า “ สามัคคี สามัคคี มหาสามัคคี ความสำเร็จ ความสำเร็จ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่” ซึ่งสื่อความหมายเกี่ยวกับความสามัคคีที่เป็นพื้นฐานของการสร้างพลังอันแข็งแกร่งเพื่อนำประเทศฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายนานัปการ ในทางเป็นจริง ประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์หลายพันปีของเวียดนามตั้งแต่สมัยบรรพกษัตริย์หุ่งจนถึงปัจจุบัน ได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่งจากความสามัคคี โดยในช่วงศตวรรษที่ 20-21 ความสามัคคีของทั้งพรรค กองทัพและประชาชนเวียดนามทุกคนได้ช่วยทำลายแผนกุศโลบายของผู้รุกรานและฝ่ายที่เป็นอริ รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ สร้างสรรค์และพัฒนาเศรษฐกิจและมีส่วนร่วมยกระดับสถานะของประเทศให้สูงเด่นมากขึ้นบนเวทีโลก โดยในปี 2019 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามอยู่ที่ร้อยละ 7.02 ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของโลก โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนในปัจจุบัน เวียดนามกำลังปฏิบัติหน้าที่สมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 และเป็นประธานอาเซียนปี 2020 ซึ่งทำให้สถานะของเวียดนามได้รับการยกระดับให้สูงเด่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากความสามัคคีชนทั้งชาติและความพยายามของระบบการเมือง

ลูกหลานของบรรพกษัตริย์หุ่งร่วมแรงร่วมใจรับมือการแพร่ระบาด

ในสภาวการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรง พรรค รัฐและรัฐบาลได้ยืนยันว่า ถือความปลอดภัยของประชาชนเวียดนามทั้งภายในและต่างประเทศเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจและแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสามัคคีชนในชาติ ส่วนในคำเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนร่วมแรงร่วมใจในการรับมือการแพร่ระบาดเมื่อวันที่30 มีนาคม เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศเหงวียนฟู้จ่องได้ย้ำว่า "ปวงชนเวียดนามจงร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายเพื่อเอาชนะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19" โดยเรียกร้องให้ประชาชนเวียดนามทั้งภายในและต่างประเทศสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ปฏิบัติตามแนวทางของพรรคและรัฐ การชี้นำและการบริหารของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ โดยประชาชนแต่ละคนคือนักรบในกระบวนการต่อต้านการแพร่ระบาด"

ก่อนหน้านั้น ประชาชนเวียดนามหลายล้านคนได้ปฏิบัติตามคำเรียกร้องของนายกรัฐมนตรีในการไม่เดินทางออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น มีการส่งสาสน์เกี่ยวกับความรักชาติ การเชื่อมั่นต่อรัฐบาล การส่งเสริมความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของประชาชนทั่วประเทศที่ถูกเผยแพร่ผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์และกลไกสื่อสารมวลชนอย่างทั่วถึง สิ่งที่น่าสนใจคือ นักธุรกิจ ศิลปินและประชาชนทั้งภายในและต่างประเทศได้บริจาคเงินและสิ่งของเพื่อสนับสนุนแพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจและเยาวชนจิตอาสาที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดในแนวหน้า

คำที่ว่า "ไม่มีที่ใดเหมือนที่เวียดนาม" เป็นคำที่พูดถึงกันมากทั้งในเวียดนามและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในประชาชาติเวียดนาม ส่วนคำที่ว่า "ด่งบ่าว" ที่สื่อถึงความผูกพันธ์กันอย่างเหนียวแน่นของชาวเวียดนาม รากเหง้าของประชาชาติและจิตใจแห่งความสามัคคีของคนเวียดนามก็เป็นอีกคำที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วงนี้เพราะคนเวียดนามมีรากเหง้าเดียวกันคือเป็นลูกหลานของบรรพกษัตริย์หุ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่ศักดิ์สิทธิ์ของพิธีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่ง ประชาชนเวียดนามมีความเชื่อมั่นว่า ความสามัคคีชนในชาติจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้สามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น.

คำติชม