เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม |
เริ่มต้นบทความ เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ชัยชนะวันที่ 30 เมษายนไม่เพียงแค่เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของประชาชนเวียดนามในสงครามต่อสู้เพื่อกู้ชาติเท่านั้น หากยังเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิการปฏิวัติแห่งความวีรอาจหาญ ความมุ่งมั่นช่วงชิงเอกราช การพึ่งตนเองและพลังอันแข็งแกร่งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติอีกด้วย
ชัยชนะของประชาชาติที่วีรอาจหาญ
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ระบุว่า ชัยชนะวันที่ 30 เมษายนปี 1975 ไม่เพียงแต่เป็นการยุติสงครามที่ดุเดือดและยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นนิมิตหมายที่รุ่งโรจน์ในกระบวนการสร้างสรรค์และปกป้องประเทศของประชาชาติเวียดนามอีกด้วย นั่นคือชัยชนะแห่งความมุ่งมั่น ความปรารถนาเกี่ยวกับเอกราช เสรีภาพและการรวมประเทศเป็นเอกภาพ เป็นชัยชนะแห่งพลังที่เข้มแข็งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติภายใต้การชี้นำที่ปรีชาสามารถของพรรคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นชัยชนะแห่งความเป็นจริงที่ว่า“ไม่มีอะไรที่มีค่ายิ่งกว่าเอกราชและเสรีภาพ” จิตใจแห่งความรักชาติ ความมุ่งมั่นต่อสู้และไม่ยอมแพ้ของประชาชาติเวียดนามในตลอดนับพันปี รวมทั้งของกลุ่มคนหัวก้าวหน้าและประชาชนที่ใฝ่สันติภาพในทั่วโลก
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ระบุว่า ชัยชนะในวันที่ 30 เมษายนปี 1975 ไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะทางทหารเท่านั้น หากยังเป็นการหลอมรวมสติปัญญา ความมุ่งมั่นและความปรารถนาอันแรงกล้าเกี่ยวกับสันติภาพที่ยั่งยืนและสิทธิการตัดสินใจอนาคตของประชาชาติที่เคยถูกกดขี่ขูดรีดและถูกแบ่งแยกในอดีต
ในตลอด 30 ปีที่ทำสงครามกู้ชาติช่วงปี 1945-1975 ประชาชนเวียดนามยึดมั่นจิตใจแห่งการช่วงชิงเอกราชและรวมประเทศเป็นเอกภาพ โดยชาวเวียดนามนับล้านคนได้อาสาเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ว่า ประชาชนเวียดนามจะเป็นเจ้าของประเทศและสามารถรวมประเทศเป็นเอกภาพได้ ครึ่งศตวรรษได้ผ่านพ้นไปนับตั้งแต่ที่เวียดนามรวมประเทศเป็นเอกภาพ แต่บทเพลงแห่งชัยชนะในช่วงนั้นยังคงอยู่ในจิตใจของประชาชนเวียดนามจนถึงทุกวันนี้
พรรคและรัฐถือนโยบายปรองดองชาติเป็นทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว
ในบทบความนี้ เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ย้ำถึงความเมตตาและการให้อภัยเพื่อปิดฉากอดีต ให้ความเคารพความแตกต่างและมุ่งสู่อนาคตของประชาชาติเวียดนาม
บนเส้นทางแห่งการพัฒนา พรรคและรัฐเวียดนามถือนโยบายปรองดองชาติเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวและมีบทบาทสำคัญในกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ โดยในหลายปีที่ผ่านมา ในการเยือนประเทศต่างๆ ทั่วโลก เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้มีโอกาสพบปะกับชุมชนชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศรวมทั้งผู้ที่เคยสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในการพบปะเหล่านี้ เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม รู้สึกประทับใจเมื่อเห็นว่า ถึงแม้มีความแตกต่างกันเกี่ยวกับทัศนะการเมือง ความเข้าใจประวัติศาสตร์หรือสภาพความเป็นอยู่ แต่พวกเขาต่างมีความภาคภูมิใจในประชาชาติและถือว่า “เป็นชาวเวียดนาม” และคิดถึงบ้านเกิดมาก
ท่านเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม เคยเห็นการพบปะที่ซาบซึ้งใจหลายครั้งระหว่างทหารผ่านศึกเวียดนามกับทหารผ่านศึกสหรัฐ ที่เคยเผชิญหน้าต่อสู้กันในอดีต แต่ในปัจจุบันได้จับมือพูดคุยกันด้วยความเข้าใจอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบัน เวียดนามและสหรัฐได้เปลี่ยนจากการเป็นศัตรูในอดีตมาเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ร่วมมือกันเพื่อสันติภาพและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค ดังนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่คนเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ที่มีสายเลือดและรากเหง้าเดียวกันพร้อมความปรารถนาเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่เป็นเอกภาพและเจริญรุ่งเรืองนั้นต้องแบกความแค้นไว้และไม่เมตตาต่อกัน
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม เชื่อว่า ชาวเวียดนามทุกคน ถึงแม้จะอยู่อาศัยที่ไหน ในอดีตเกิดอะไรบ้าง ก็สามารถเดินพร้อม ร่วมแรงร่วมใจและมีส่วนร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสให้แก่ประชาชาติได้ พรรคและรัฐเวียดนามมีนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือ ให้ความสำคัญและพร้อมที่จะฟังข้อเสนอที่สร้างสรรค์และสามัคคีจากชุมชนชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศ ถึงแม้ว่า เราไม่สามารถแก้ไขประวัติศาสตร์ได้ แต่ก็สามารถกำหนดอนาคตได้ อดีตคือความทรงจำเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณและถอดประสบการณ์ ส่วนอนาคตคือโอกาสให้เราร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนา
มองไปข้างหน้า – ต่อยอดและสร้างสรรค์ เปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนา
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ยืนยันว่า คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันตระหนักได้ว่า เอกราชและเอกภาพไม่เพียงแต่เป็นเป้าหมายสุดท้าย แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่แห่งการสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่สันติภาพ เจริญเข้มแข็ง มีอารยธรรม พัฒนาและคงอยู่ตลอดกาล บรรพบุรุษของเราได้ยืนหยัดการที่ “ประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว ประชาชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว”และได้สละเลือดเนื้อเพื่อภารกิจนี้ ส่วนคนรุ่นใหม่เวียดนามควรแปรแนวความคิดนั้นให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนแห่งการพัฒนา โดยเวียดนามต้องสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่พึ่งตนเอง มีระบบความมั่นคงกลาโหมที่ประชาชนมีส่วนร่วม รอบด้านและทันสมัย ระบบการเมืองที่กระทัดรัด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ระบบสังคมที่พัฒนา สามัคคี วัฒนธรรมและมีความเป็นมนุษย์
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ชี้ชัดว่า คนรุ่นใหม่ต้องตระหนักได้ดีว่า กำลังสานต่อคุณค่ามรดกที่ยิ่งใหญ่จากบรรพบุรุษและต้องมีความรับผิดชอบในการยกระดับสถานะและชื่เสียงของประเทศบนเวทีโลกในยุคใหม่ พร้อมทั้งยืนยันว่า “เราไม่อาจปล่อยให้ประเทศต้องถอยหลัง ไม่อาจทำให้ประชาชาติพลาดโอกาส เวียดนามต้องยืนหยัดรักษาเอกราช อธิปไตย บูรณะภาพแห่งดินแดน ธำรงบรรยากาศแห่งสันติและเสถียรภาพ เปลี่ยนแปลงใหม่อย่างรวดเร็วในด้านแนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนา ปฏิรูประบบราชการและสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมภายใต้การบริหารของรัฐ การชี้นำของพรรคและสร้างสรรค์ลัทธิสังคมนิยมที่ทันสมัย”
ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษของประชาชาติที่สามารถตัดสินใจอนาคตของตนได้ เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ประชาชาติเวียดนามจะสามารถสานต่อประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์ในกระบวนการพัฒนาเพื่อประเทศเวียดนามที่เอกราช เสรีภาพ ผาสุก มั่งคั่ง มีอารยธรรม เจริญรุ่งเรือง มีสถานะและเสียงพูดที่สำคัญบนเวทีโลก.