(VOVworld) – ปี 2017 เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีฉลองครบรอบ 25 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ในการประเมินเกี่ยวกับผลความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี บรรดานักการทูตของทั้งสองประเทศต่างยืนยันว่า ภายหลัง 25 ปีความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ยั่งยืน จริงจังและรอบด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศได้บรรลุผลงานที่น่าประทับใจ
เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปี 1992 เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2001 ทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านศตวรรษที่ 21 เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลี” ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของประธานประเทศ เจิ่นดึ๊กเลือง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2009 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการยกระดับขึ้นเป็นความสัมพันธ์ร่วมมือยุทธศาสตร์ในโอกาสการเยือนเวียดนามของประธานาดิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ลี เมียง บัค
ตัวเลขแห่งความร่วมมือที่น่าประทับใจ
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยภายหลัง 25 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต สาธารณรัฐเกาหลีได้กลายเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามจากจำนวนทั้งหมด 112 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะเมื่อปี 2016 มูลค่าการส่งออกของสาธารณรัฐเกาหลีไปยังเวียดนามได้สูงกว่ามูลค่าการส่งออกของสาธารณรัฐเกาหลีไปยังญี่ปุ่น ใน 19 ด้านที่สถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีเลือกลงทุนในเวียดนามมีอุตสาหกรรมแปรรูป การประดิษฐ์คิดค้น อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง นาย ฝ่ามหิวชี้ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสาธารณรัฐเกาหลีได้เผยว่า“ตั้งแต่ปี 1992 ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจมีไม่มากนัก แต่จนถึงปลายปี 2016 มูลค่าการค้าได้บรรลุกว่า 4 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนของสารณรัฐเกาหลีในเวียดนามบรรลุ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นี่คือการพัฒนาที่รวดเร็ว”
ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศที่สาธารณรัฐเกาหลีสงวนเงินโอดีเอมากที่สุด โดยโครงการโอดีเอของสาธารณรัฐเกาหลีอยู่ในด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนาม ได้รับการปฏิบัติตามกระบวนการที่กำหนด และมีระดับการเบิกจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกปี ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือเกี่ยวกับการลงนามกรอบข้อตกลงสินเชื่อเวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีในช่วงปี 2016-2020 โดยคาดว่า สาธารณรัฐเกาหลีจะจัดสรรเงินโอดีเอ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่เวียดนาม นาย Lee Hyuk เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนามได้ประเมินว่า“ปัจจัยที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาอย่างเข้มแข็งคือผลในทางบวกจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่สนับสนุนกันระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะมีสถานประกอบการหลายแห่งของสาธารณรัฐเกาหลีที่เคยลงทุนในประเทศจีน ได้ย้ายมาลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนามมีแหล่งบุคลากรรุ่นใหม่เป็นจำนวนมากที่มีทักษะฝีมือดีและขยัน ส่วนสาธารณรัฐเกาหลีมีเงินทุนและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก การผสานจุดแข็งของแต่ละประเทศได้ผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้พัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญและต้องพึ่งพากัน”
ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศยังคงธำรงกลไกความร่วมมือทวิภาคี เช่นคณะกรรมการผสมรัฐบาลเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลี คณะกรรมการผสมระดับรัฐมนตรีเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านไฟฟ้านิวเคลียร์ พลังงานและอุตสาหกรรม นอกจากนั้น ข้อตกลงเอฟทีเอเวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมปี 2015 ถือเป็นสิ่งที่จะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ มีส่วนร่วมปฏิบัติเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020 ตามข้อตกลงระดับสูงของทั้งสองประเทศเมื่อปี 2013
ปรากฎกระแสลงทุนใหม่จากสถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลี
หากทบทวนแนวโน้มการลงทุนของสถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีในเวียดนามในตลอด 25 ปีที่ผ่านมาจะสามารถเห็นได้ว่า ในระยะแรก กิจกรรมการลงทุนส่วนใหญ่เน้นในด้านที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลี เช่น Samsung LG และ Hyosung กำลังผลักดันการลงทุนในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในเวียดนาม ซึ่งเป็นจุดแข็งของสาธารณรัฐเกาหลี เช่น Samsung ลงทุนในเวียดนามเมื่อปี 2008 จนถึงปัจจุบันได้เปิดโรงงาน 2 แห่งในจังหวัดบั๊กนิงและท้ายเงวียน สามารถผลิตโทรศัพท์มือถือ 150 ล้านเครื่องต่อปี ในทางเป็นจริง Samsung LG และสถานประกอบการระดับโลกต่างๆกำลังพยายามช่วยให้เวียดนามเพิ่มกำลังการผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนผ่านการส่งเสริมให้สถานประกอบการเวียดนามเข้าร่วมห่วงโซ่จัดสรรอะไหล่และชิ้นส่วนซึ่งสามารถเห็นได้จากกระแสการลงทุนในด้านที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้รับการขยายมากขึ้น“สถานประกอบการของสาธารณรัฐเกาหลีประเมินว่า เวียดนามเป็นสถานที่ลงทุนที่สะดวกที่สุดและกระแสการลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลีในเวียดนามยังคงขยายตัวต่อไป ผมส่งเสริมให้สถานประกอบการที่ลงทุนในเวียดนามไม่ควรสนใจเรื่องกำไรเพียงอย่างเดียว หากต้องประกอบธุรกิจตามแนวทางให้การช่วยเหลือเศรษฐกิจของเวียดนามและสร้างผลประโยชน์ให้แก่สังคมเวียดนามด้วย ในทางเป็นจริง ได้มีกลุ่มบริษัทและสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหลายแห่งประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในเวียดนาม ถึงแม้ผมเป็นเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนาม แต่ผมยังคงคิดว่า นอกจากการวนับสนุนผลประโยชน์ของสาธารณรัฐเกาหลีแล้ว ก็ต้องสนับสนุนผลประโยชน์ของเวียดนามด้วย”
25 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตคือนิมิตหมายสำคัญต่อเวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลี การที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการยกระดับขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และข้อตกลงเอฟทีเอเวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีมีผลบังคับใช้ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีในเวลาที่จะถึงจะบรรลุผลงานที่น่าประทับใจต่อไป มีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตให้แน่นแฟ้นมากขึ้น.