ความเสี่ยงที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีจะทวีความตึงเครียดมากขึ้น

Ánh Huyền/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี กำลังร้อนระอุมากขึ้น เพราะเมื่อเร็วๆนี้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ประสบความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธ นำวิถีจากเรือดำน้ำไปตกในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของ ญี่ปุ่นในทะเลของญี่ปุ่น นี่คือการทดลองยิงขีปนาวุธครั้งที่ 3 ของเปียงยางนับตั้งแต่ต้นปีมานี้เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการของสหรัฐและพันธมิตร ในภูมิภาคที่เปียงยางถือว่า เป็นการกระทำที่ยั่วยุและสร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศนี้ การยิงขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการประเมินว่า ประสบความสำเร็จ ได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อประชาคมโลก

(VOVworld)สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังร้อนระอุมากขึ้น เพราะเมื่อเร็วๆนี้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ประสบความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธนำวิถีจากเรือดำน้ำไปตกในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของญี่ปุ่นในทะเลของญี่ปุ่น นี่คือการทดลองยิงขีปนาวุธครั้งที่ 3 ของเปียงยางนับตั้งแต่ต้นปีมานี้เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการของสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคที่เปียงยางถือว่า เป็นการกระทำที่ยั่วยุและสร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศนี้ การยิงขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการประเมินว่า ประสบความสำเร็จ ได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อประชาคมโลกในสภาวการณ์ที่ทุกฝ่ายมีคำประกาศที่แข็งกร้าวอย่างต่อเนื่อง

ความเสี่ยงที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีจะทวีความตึงเครียดมากขึ้น - ảnh 1
เหตุยิงขีปนาวุธของเปียงยาง (EPA)

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ประสบความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธนำวิถีจากเรือดำน้ำ ที่มีระยะทำการประมาณ 500 กิโลเมตรไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นครั้งแรกที่ตกในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของญี่ปุ่นประมาณ 80 กิโลเมตร นี่คือครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีทดลองยิงขีปนาวุธนำวิถีนับตั้งแต่ต้นปี การทดลองยิงขีปนาวุธครั้งแรกมีขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน ซึ่งได้ประสบความล้มเหลว โดยขีปนาวุธถูกยิงจากใต้ทะเลลึก 10 เมตร และบินไกลได้ 30 กิโลเมตรก่อนที่จะระเบิด ส่วนการทดลองยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำครั้งที่ 2 มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งก็ระเบิดเมื่อบินถึงความสูง 10 กิโลเมตรหลังจากถูกปล่อยไม่นาน
ตามการประเมินของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ จากการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ใกล้ประสบความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธ ซึ่งคาดว่าจะสามารถยิงขีปนาวุธนำวิถีได้เต็มรูปแบบในปีหน้า แทนที่ต้องรอ 2-3 ปีตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
คำเตือนและท่าทีตอบโต้ที่แข็งกร้าว
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีทดลองยิงขีปนาวุธตรงกับช่วงจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ญี่ปุ่น จีนและสาธารณรัฐเกาหลีในกรุงโตเกียวในเช้าวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งเป็นการประชุมไตรภาคีครั้งแรกของรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง3ประเทศนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2015 โดยที่ประชุมจะหารือถึงปฏิบัติการของประชาคมโลกต่อการพัฒนาขีปนาวุธนำวิถีของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีด้วย ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้มีท่าทีที่แข็งกร้าวหลังจากสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐจัดการซ้อมรบที่มีชื่อว่า“Ulchi-Freedom Guardian” ที่มีทหารประมาณ 7 หมื่น 5 พันนายเข้าร่วม
ท่าทีของเปียงยางครั้งนี้ถือว่า แข็งกร้าวที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งอาจเป็นเพราะขอบเขตของการซ้อมรบนี้ขยายกว้างมากขึ้น เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่สหรัฐได้ระดมฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer พร้อมเจ้าหน้าที่สนับสนุนกองทัพอากาศเกือบ 300 นายและสหรัฐยังติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ในเขต ซองจู ของสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเพื่อตอบโต้การกระทำนี้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า พร้อมที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ใส่กองกำลังติดอาวุธของสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐ โดยเฉพาะ ผู้นำของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี คิม จอง อึน ได้เรียกร้องให้เยาวชนของประเทศนี้กลายเป็น “กองกำลังพลีชีพ” เพื่อปกป้องประเทศ ในขณะเดียวกัน เพื่อรับมือกับปฏิบัติการของเปียงยาง ทางการโซลได้เร่งวางแผนป้องกัน โดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ปาร์ก กึม เฮ ได้สั่งให้กองทัพอยู่ในภาวะพร้อมรบระดับสูงสุด และเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่กำลังเพิ่มมากขึ้นของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี บรรดา ส.ส ของสาธารณรัฐเกาหลียังเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาการพัฒนาต่อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เพื่อรับมือกับปฏิบัติการที่ยั่วยุที่กำลังเพิ่มมากขึ้นจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
ความเสี่ยงที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีจะทวีความตึงเครียดมากขึ้น - ảnh 2
ผู้นำของเปียงยางไปบัญชาการเหตุยิงขีปนาวุธ (Reuters)

คาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่ระยะอันตรายครั้งใหม่
ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังมีความผันผวนรอบใหม่ที่น่าวิตกกังวล เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นจากนโยบายผลักดันมาตรการรับมือของสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคและการเพิกเฉยต่อคำเตือนและการคว่ำบาตรจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของทางการเปียงยาง แต่สิ่งที่น่าวิตกกังวลกว่าก็คือ ปัจจุบัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีสามารถตอบโต้ทุกการรุกรานของศัตรู ความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธนำวิถีพิสัยใกล้จากเรือดำน้ำเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมาได้สร้างพื้นฐานเพื่อให้เปียงยางมีความสามารถอย่างเพียงพอเพื่อติดตั้งขีปนาวุธให้แก่กองเรือดำน้ำในอนาคตและพัฒนาเรือดำน้ำให้ทันสมัยมากขึ้น จากความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธนำวิถีจากเรือดำน้ำ เปียงยางกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถปกป้องตนเองได้ และได้ฟื้นฟูการผลิตพลูโตเนียมสำหรับผลิตอาวุธในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยองเปียง ที่เคยระงับตามข้อตกลงที่ได้บรรลุในการเจรจา 6 ฝ่ายก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีมีความสามารถในการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ และการขัดขวางไม่ให้มีอาวุธทำลายล้ายสูงไว้ในครอบครองผ่านมาตรการที่แข็งกร้าวยังไม่เกิดประสิทธิผล หลังจากใช้มาตรการคว่ำบาตรต่างๆและท่าทีที่แข็งกร้าวจากประชาคมโลก สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีก็ยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น ประชาคมโลกควรเน้นใช้มาตรการที่สันติและไม่มีปฏิบัติการทางทหารเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ เพราะถ้าทุกฝ่ายไม่มีความอดกลั้น ก็อาจจะนำไปสู่ผลกระทบที่ไม่สามารถคาดคิดได้.

คำติชม