ความฝันเกี่ยวกับสันติภาพที่ยาวนานในโคลัมเบียยังไม่กลายเป็นความจริง

Anh Huyen/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld) - ผลการลงประชามติเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ที่ได้ลงนามระหว่างรัฐบาลกับกองกำลังติดอาวุธปฏิวัติโคลัมเบียหรือเอฟเออาร์ซีเมื่อวันที่ 26 กันยายนถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นสันติภาพของประเทศลาตินอเมริกานี้เพราะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่าร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีสัญญาณที่น่ายินดีจากหลายฝ่ายในการกอบกู้กระบวนการสันติภาพของโคลัมเบีย

(VOVworld) - ผลการลงประชามติเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ที่ได้ลงนามระหว่างรัฐบาลกับกองกำลังติดอาวุธปฏิวัติโคลัมเบียหรือเอฟเออาร์ซีเมื่อวันที่ 26 กันยายนถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นสันติภาพของประเทศลาตินอเมริกานี้เพราะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่าร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีสัญญาณที่น่ายินดีจากหลายฝ่ายในการกอบกู้กระบวนการสันติภาพของโคลัมเบีย

ความฝันเกี่ยวกับสันติภาพที่ยาวนานในโคลัมเบียยังไม่กลายเป็นความจริง - ảnh 1
ประธานาธิบดีโคลัมเบียและหัวหน้ากลุ่มเอฟเออาร์ซี (Reuters)

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโคลัมเบียได้เข้าร่วมการลงประชามติเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพเพื่อหาทางยุติการปะทะที่นองเลือดและยืดเยื้อในประเทศนี้มากว่า 52 ปี ตามความเห็นของนาย ฮวน มานูเอล ซานโตส ประธานาธิบดีโคลัมเบีย การลงประชามติมีวัตถุประสงค์ก็เพื่อค้ำประกันความชอบธรรมด้วยกฎหมายของข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งหมายความว่า โคลัมเบียจะมีสันติภาพที่ยาวนาน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม หลังจากเจรจามาเป็นเวลา 4 ปี รัฐบาลโคลัมเบียและกองกำลังติดอาวุธปฏิวัติโคลัมเบียหรือเอฟเออาร์ซีได้บรรลุข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งถ้าหากข้อตกลงนี้ได้รับการอนุมัติ นักรบเกือบ 8 พันคนของเอฟเออาร์ซีจะวางอาวุธและเข้าร่วมชีวิตทางการเมืองของโคลัมเบียตามกฎหมายในฐานะของเหมือนพรรคการเมือง นาย Humberto de la Calle หัวหน้าคณะเจรจาของรัฐบาลโคลัมเบียเคยแสดงความเห็นว่า ถึงแม้ข้อตกลงเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมยังไม่ใช่ข้อตกลงที่สมบูรณ์ แต่นี่คือเส้นทางที่สั้นและดีที่สุดเพื่อให้โคลัมเบียมุ่งสู่อนาคตที่สดใสมากขึ้น
ผลงานที่ไม่สามารถคาดคิดล่วงหน้าได้
การสำรวจความคิดเห็นก่อนการลงประชามติปรากฎว่า อัตราผู้ที่สนับสนุนข้อตกลงสันติภาพจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 55 ถึงร้อยละ 66 และอัตราผู้ที่คัดค้านจะอยู่ที่ร้อยละ 35 ซึ่งหมายความว่า ข้อตกลงจะได้รับการอนุมัติโดยเร็ว ส่วนนาย ฮวน มานูเอล ซานโตส ประธานาธิบดีโคลัมเบียได้เผยว่า รัฐบาลไม่มีแผนการสำรอง ในกรณีที่ประชาชนไม่สนับสนุนข้อตกลงที่ได้รับการลงนาม ข้อตกลงจะถูกยกเลิก ซึ่งคำประกาศของประธานาธิบดี ฮวน มานูเอล ซานโตส ได้แสดงให้เห็นว่า ดูเหมือนว่า พรรครัฐบาลเชื่อมั่นเป็นอย่างมากต่อการสนับสนุนข้อตกลงสันติภาพของผู้มีสิทธิ์ รัฐบาลโคลัมเบียหวังว่า สันติภาพจะกระตุ้นการลงทุนในหลายด้าน รวมทั้งการทำเหมืองแร่ทองคำ น้ำมันและการเกษตรในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ในลาตินอเมริกา
แต่ผลการนับคะแนนได้สร้างความแปลกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโคลัมเบียร้อยละ 50.23 ปฏิเสธข้อตกลงสันติภาพ และมีผู้ที่สนับสนุนอยู่ที่ร้อยละ 49.76 ตามความเห็นของฝ่ายที่คัดค้านที่นำโดยอดีตประธานาธิบดีโคลัมเบียคือนาย Andres Pastrana และนาย Alvaro Uribe เหตุผลที่พวกเขาไม่สนับสนุนข้อตกลงสันติภาพคือถ้าหากข้อตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้นักรบหลายคนของเอฟเออาร์ซีได้รับการอภัยโทษ ตลอดจนไม่สามารถแก้ไขสงครามต่อต้านยาเสพติดได้ เอฟเออาร์ซีจะเข้าร่วมกิจกรรมการเมืองของโคลัมเบียในฐานะพรรคการเมืองที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถลงเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาภายในปี 2018 และได้รับการค้ำประกันการมี 10 ที่นั่งในรัฐสภาจนถึงปี 2026 ซึ่งสำหรับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย นี่คือสิ่งที่ยากจะยอมรับได้ เพราะการปะทะทางทหารที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1964 ณ โคลัมเบียได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 แสน 6 หมื่นคน ผู้สูญหาย 4 หมื่น 5 พันคนและผู้ที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนประมาณ 6.9 ล้านคน ส่วนนาย Francisco Santos อดีตรองประธานาธิบดี ซึ่งคัดค้านข้อตกลงสันติภาพได้เผยว่า ตนหวังว่า จะมีข้อตกลงที่ดีกว่านี้เพื่อแก้ปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่
ความฝันเกี่ยวกับสันติภาพที่ยาวนานในโคลัมเบียยังไม่กลายเป็นความจริง - ảnh 2
ชาวโคลัมเบียลงคะแนน (Reuters)

ผลักดันการปฏิบัติความพยายามที่ยังไม่สำเร็จ
ถึงแม้ประสบความพ่ายแพ้ในการลงประชามติ หลังจากผลการลงประชามติได้รับการประกาศ 1 วัน นาย ฮวน มานูเอล ซานโตส ประธานาธิบดีโคลัมเบียได้ให้คำมั่นว่า จะพยายามต่อไปเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 52 ปี ในการกล่าวปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ นาย ซานโตส ได้ประกาศว่า จะแสวงหาสันติภาพจนกว่าจะถึง “วันสุดท้ายของวาระ” พร้อมทั้งเรียกร้องให้หัวหน้าคณะเจรจา Humberto de la Calle และข้าหลวงใหญ่สันติภาพ Sergio Jaramillo เดินทางกลับกรุงฮาวานา ประเทศคิวบาเพื่อพบปะกับบรรดาผู้นำของเอฟเออาร์ซี ในขณะเดียวกัน กองกำลังของเอฟเออาร์ซีได้ให้คำมั่นที่จะเดินหน้าการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลโคลัมเบีย และทำตามคำสั่งหยุดยิงเพื่อลดความปวดร้าวให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากการปะทะ อีกทั้งให้ความเคารพข้อตกลงที่ได้ลงนามกับรัฐบาล
ท่าทีที่โอนอ่อนและเจตนาในทางบวกของรัฐบาลโคลัมเบีย และกองกำลังเอฟเออาร์ซีได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก โดยนาย บันคีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้ยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในโคลัมเบียและจะอยู่เคียงข้างประชาชนโคลัมเบียเพื่อบรรลุข้อตกลง ทูตพิเศษของสหประชาชาติ  Jean Arnault ได้ถูกส่งไปยังคิวบาเพื่อแสวงหาโอกาสจัดการเจรจาต่อไป บรรดาประเทศ เช่น เอกวาดอร์ อาร์เจนตินาและเวเนซูเอเลได้ยืนยันว่า จะสนับสนุนการสนทนาสันติภาพของโคลัมเบีย
ผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาได้ทำให้ข้อตกลงสันติภาพในโคลัมเบียมีความเปราะบางมากขึ้น ความท้าทายบนเส้นทางแห่งสันติภาพในเวลาต่อไปของประเทศอเมริกาใต้นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตามความเห็นของนาย Juan Fernando Cristo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโคลัมเบีย ทุกฝ่ายอาจต้องใช้เวลาอีก 10 ปีเพื่อเจรจา แต่สิ่งที่จะไม่ทำให้ฝ่ายต่างๆละทิ้งความพยายาม ตลอดจนผู้ที่สนับสนุนจะต้องไม่ละทิ้งความหวังที่ต้องการเห็นสันติภาพที่ยาวนานในโคลัมเบีย.


คำติชม