ทหารยูเครนยิงปืนใหญ่ ใกล้เมือง Bakhmut เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมปี 2022 (Photo: AP) |
เหลือเวลาเพียง 10 วัน ก็จะครบรอบ 1 ปี สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังไม่มีวี่แววว่าสงครามนี้จะยุติลง ในขณะที่โอกาสที่จะเห็นสันติภาพก็เลือนลางเป็นอย่างมาก
โอกาสการเจรจาที่ยังคงเลือนลาง
นับตั้งแต่ที่เริ่มยุทธนาการทางทหารพิเศษในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปี 2022 รัสเซียได้ประกาศหลายครั้งว่า จะยืนหยัดปฏิบัติยุทธนาการดังกล่าวจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูตินได้วางไว้และไม่ยอมรับการประนีประนอมกับยูเครน ในขณะเดียวกัน ฝ่ายตะวันตกได้จัดสรรอาวุธตามคำร้องขอของยูเครนเพื่อไม่ให้ยูเครนพ่ายแพ้ในสงครามนี้
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย Sergey Vershinin ได้ประกาศว่ารัสเซียจะกลับมานั่งเจรจาก็ต่อเมื่อยูเครนยุติข้อเรียกร้องต่าง ๆ โดยการเจรจากับยูเครนจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งกล่าวหาฝ่ายตะวันตกว่าทำการแทรกแซงและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการเจรจาของยูเครน
ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2022 ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกีได้เสนอเงื่อนไขในการเจรจากับรัสเซีย ซึ่งมีทั้งเรื่องการค้ำประกันบูรณภาพแห่งดินแดนและ การชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการสนทนาจะต้องเป็นไปตามหลักการของกฎหมายสากลคือให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ ประชาธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน
ในปี 2022 รัสเซียและยูเครนได้ทำการเจรจาหลายครั้งแต่ไม่สามารถบรรลุผลงานใดๆ ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น มีโอกาสน้อยมากที่ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาเจรจากันอีก เพราะการปะทะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วง อย่างเช่น เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้กัน 424 ครั้งและเปิดการโจมตี 24 ครั้ง
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้กัน 424 ครั้งและเปิดการโจมตี 24 ครั้ง (Photo: AFP) |
โอกาสที่ทุกฝ่ายเป็นผู้พ่ายแพ้เมื่อการปะทะยังคงยืดเยื้อ
ในสภาวการณ์ที่การปะทะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและการเจรจาตกเข้าสู่ภาวะชะงักงัน สหรัฐและฝ่ายตะวันตกกำลังผลักดันการช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ณ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม กลุ่มประสานงานด้านกลาโหมยูเครนที่มีเกือบ 40 ประเทศและองค์การสมาชิกได้ประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครน
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ อังกฤษได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะผลิตอาวุธและรถหุ้มเกราะในยูเครน เจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมของอังกฤษได้เดินทางไปยังกรุงเคียฟเพื่อศึกษาโอกาสการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตอาวุธในยูเครน ในการพบปะกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ก่อนที่นาย โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Rishi Sunak ได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมอังกฤศทำการวิจัยปัญหาการจัดสรรเครื่องบินรบให้แก่ยูเครน ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กลุ่ม 11 ประเทศยุโรปได้แก่เอสโตเนีย สหราชอาณาจักร โปแลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนีย เดนมาร์ก สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สโลวาเกีย และสเปนได้ให้คำมั่นที่จะจัดสรรอาวุธ รวมทั้งรถถัง ปืนใหญ่ กระสุนปืนให้แก่ยูเครน
ส่วนรัสเซียได้เตือนหลายครั้งว่า การที่ประเทศต่างๆจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครนจะทำให้ความตึงเครียดรุนแรงมากขึ้นและสร้างความเสียหายให้แก่ยูเครน ในขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่า แม้การปะทะจะยุติลงอย่างไรแต่ก็สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทั้งรัสเซียและยูเครน ซึ่งจุดยืนที่แข็งกร้าวและการยึดมั่นเจรจาโดยมีเงื่อนไขต่างๆของทั้งรัสเซียและยูเครนทำให้โอกาสเจรจาเพื่อแสวงหามาตรการแก้ปัญหาอย่างสันติยังคงอยู่ไกลเอื้อม.