ความท้าทายต่างๆ ที่กรีซต้องเผชิญหลังการเลือกตั้งทั่วไป

Ba Thi
Chia sẻ
(VOVWORLD) -วันที่ 21 พฤษภาคม กรีซได้จัดการเลือกตั้งรัฐสภาเพื่อเตรียมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อทำหน้าที่แทนรัฐบาลชุดปัจจุบันของนายกรัฐมนตรี Kyriakos Mitsotakis แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ยุโรปกำลังต้องรับมือความท้าทายต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ความไว้วางใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่อรัฐบาลกรีซชุดปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของทั้งกรีซและยุโรปอีกด้วย
ความท้าทายต่างๆ ที่กรีซต้องเผชิญหลังการเลือกตั้งทั่วไป - ảnh 1ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกรีซไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 21 พฤษภาคม( AFP/TTXVN

ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองและพันธ์มิตรทั้งหมด 36 พรรคเข้าร่วม โดยมีผู้สิทธิ์เลือกตั้งเกือบ 10 ล้านคน ผลการนับคะแนนปรากฎว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลฝ่ายกลาง-ขวาของนายกรัฐมนตรี Kyriakos Mitsotakis ได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอีกครั้ง ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 40.8 สูงกว่าพรรคซีริซา ซึ่งเป็นพรรคใหญ่และเป็นคู่แข่งสำคัญที่ได้เสียงสนับสนุนเพียงร้อยละ 20.1 ส่วนอันดับที่ 3 คือพรรคโซเชียลลิสต์ ปาซอก แต่เนื่องจากไม่ได้รับเสียงสนับสนุนมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวได้ทำให้พรรคประชาธิปไตยใหม่ต้องร่วมกับพรรคอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหรือต้องจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่านี่เป็นสถานการณ์การเมืองที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความท้าทายของกรีซในปัจจุบัน

สภาวการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายต่างๆ

การเลือกตั้งรัฐสภาของกรีซได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่รัฐบาลกำลังประสบอุปสรรค โดยในด้านเศรษฐกิจสังคม กรีซก็ไม่ต่างจากหลายประเทศในยุโรปที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตในยูเครนและความยากลำบากหลังวิกฤตโควิด -19 พร้อมทั้งต้องรับมืออุปสรรคนานัปการจากปัญหาหนี้สินของประเทศที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจถูกชะลอตัว อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้นและประชาชนถูกตัดลดสวัสดิการ แต่ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ทางสหภาพยุโรปได้ยุติการตรวจสอบปัญหาทางการเงินต่อกรีซที่มีเวลาบังคับใช้ยาวนานถึง 12 ปี ดังนั้น การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เผชิญความยากลำบากนานัปการในปัจจุบันถือเป็นหน้าที่ที่ท้าทายของรัฐบาลชุดใหม่

นอกจากนั้น ในหลายเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์การเมืองของกรีซมีความตึงเครียดเนื่องจากข้อกล่าวหารัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Kyriakos Mitsotakis ว่าได้แอบดักฟังโทรศัพท์ของนักการเมือง ผู้สื่อข่าวและนักธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งรุนแรงที่สุดคือวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา รัฐสภากรีซต้องจัดการลงคะแนนไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลตามข้อเสนอของฝ่ายค้าน ถึงแม้นายกรัฐมนตรี Kyriakos Mitsotakis และ ค.ร.ม. ยังคงได้รับความเห็นชอบในการลงคะแนนไม่ไว้วางใจดังกล่าวด้วยคะแนนที่เฉียดฉิวคือ 156 เสียงและมีเสียงคัดค้าน 143 เสียง แต่การกระทำดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกและการขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายการเมืองต่างๆในกรีซ ซึ่งถือเป็นความท้าทายใหญ่ที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเผชิญหลังการเลือกตั้งครั้งนี้

ความท้าทายต่างๆ ที่กรีซต้องเผชิญหลังการเลือกตั้งทั่วไป - ảnh 2หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ Kyriakos Mitsotakis กับผู้สนับสนุน (Reuters) 

แนวโน้มที่สดใส

นักวิเคราะห์หลายคนได้เผยว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปได้สะท้อนความกังวลของประชาชนกรีซและผู้นำยุโรปหลายคน นั่นคือ จะไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ดังนั้น พรรคการเมือง 3 พรรคที่ได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดจะต้องเจรจากันหรือเจรจากับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็ต้องมีการต่อรองเรื่องตำแหน่งต่าง ๆ ในรัฐบาล และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจอย่างอิสระของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือความแตกแยกระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในรัฐบาลซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งกรีซและอียูไม่ต้องการเห็น ประเด็นนี้ก็อยู่ในคำแถลงของนายกรัฐมนตรี Kyriakos Mitsotakis เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมาหลังจากที่ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดี Katerina Sakellaropoulou ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยระบุว่า จะไม่ตั้งรัฐบาลผสม พร้อมทั้งแสดงความปรารถนาว่า การลงคะแนนรอบที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ส่วนนาย Dimitris Mantzos โฆษกของพรรคโซเชียลลิสต์ ปาซอก ก็ให้ข้อสังเกตว่า ตอนนี้ยังไม่มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ดังนั้น กรีซอาจต้องจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2

จากสถานการณ์ดังกล่าว มีความเป็นไปได้สูงที่ประธานาธิบดีกรีซต้องประกาศตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมพร้อมให้แก่การเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสชนะให้แก่นายกรัฐมนตรี Kyriakos Mitsotakis และพรรคประชาธิปไตยใหม่ โดยนักวิเคราะห์หลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า นี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดสำหรับกรีซในสภาวการณ์ปัจจุบัน ถ้าหากพรรครัฐบาลต้องเผชิญความท้าทายและความเสี่ยงต่าง ๆ มากกว่าพรรคประชาธิปไตยใหม่ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เพราะว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะความสามารถในการทำงานที่ได้ช่วยให้กรีซบรรลุอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 5.1 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของอียูคือร้อยละ 2.6.

คำติชม