รัฐมนตรีต่างประเทศรัฐบาลการปฏิวัติชั่วคราวสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนาม เหงียนถิบิ่งลงนามข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับเวียดนามเมื่อวันที่ 27 มกราคมปี 1973

ข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับสันติภาพในเวียดนามเมื่อวันที่ 27 มกราคมปี 1973 เป็นเอกสารทางกฎหมาย

มีสถานที่หลายแห่งที่เสนอตัวเป็นสถานที่จัดการเจรจา แต่กรุงปารีสได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดการเจรจาเพื่อยุติสงคราม นำสันติภาพมาสู่เวียดนาม และจนถึงปัจจุบัน 45 ปีได้ผ่านพ้นไปสามารถยืนยันได้ว่า ไม่มีที่ไหนที่คณะผู้แทน 2 คณะของเวียดนามมีความได้เปรียบและได้รับการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่เหมือนการเจรจา ณ กรุงปารีส

การสนับสนุนที่เข้มแข็งของผู้ที่ใส่สันติภาพ

ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้ นักประวัติศาสตร์ Alain Ruscio ได้แสดงความเห็นว่า “ประชาชนฝรั่งเศสและประชาชนเวียดนามไม่เคยก่อให้เกิดสงครามกัน ระบอบอาณานิคมเป็นผู้ที่ยึดครองและควบคุมประชาชาติเวียดนาม ประชาชนเวียดนามได้ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยตนเองและในการต่อสู้นั้น ประชาชนฝรั่งเศสได้อยู่เคียงข้างกับเวียดนาม ในช่วงนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นและได้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงต่อต้านสงครามของสหรัฐในเวียดนามหลายครั้ง”

องค์กรมิตรภาพต่อต้านสงครามที่มี 52 แห่งที่มักจะจัดการเดินขบวนประท้วงสงครามในเวียดนามได้สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนที่เข้มแข็งของชาวฝรั่งเศสที่ใฝ่สันติภาพต่อเวียดนาม และดั่งเช่นในเวลาต่อมาได้มีความเห็นว่า ประเทศสหรัฐไม่เพียงแต่แพ้ในการเจรจาและบนสนามรบเท่านั้น หากยังแพ้บนท้องถนนอีกด้วย

ที่เมือง ชัวซี เลอ รัว เมื่อ 45 ปีก่อน คณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามได้พักอาศัยที่เมืองนี้ถึง 5 ปีเพื่อทำการเจรจาข้อตกลงปารีส ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีต นอกจากนั้นก็ยังมีจัตุรัสที่มีชื่อว่า “ข้อตกลงปารีส” ที่ได้รับการเปิดตัวเมื่อปี 2013 และสัญลักษณ์แห่งสันติภาพในเมือง ชัวซี เลอ รัว อันเป็นการยืนยันว่า สัมพันธไมตรีที่ดีกับเวียดนามจะคงอยู่ตลอดไป

สถานที่ที่คณะเจรจาอาศัย ณ เมือง Choisy-le-Roi

ปัจจุบัน ณ เมือง ชัวซี เลอ รัว นอกจากมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ที่นี่ก็ียังมีบุคคลที่อาสาช่วยเหลือคณะผู้แทนเวียดนามในช่วงนั้น เช่นคุณ Jeannine Rubin หนึ่งในผู้ที่เสิร์ฟอาหารให้แก่คณะผู้แทนเวียดนามเมื่อ 45 ปีก่อน คุณ Jeanne Rubin ได้เผยว่า “ในตอนนั้น ดิฉันกำลังทำงานในโรงเรียน ในวันหนึ่งหลังจากเลิกงาน มีผู้ชายคนหนึ่งมาถามดิฉันว่า อยากทำงานบริการให้แก่บุคคลสำคัญหรือเปล่า ซึ่งดิฉันก็ได้ตอบตกลง และทำงานให้โดยไม่คิดค่าจ้าง”

ส่วนอดีตสมาชิกวุฒิสภา Helene Luc ได้กล่าวถึงความทรงจำในอดีตด้วยความภาคภูมิใจว่า เมื่อตอนอายุ 15 ปีเธอได้เดินขบวนบนท้องถนนเพื่อสนับสนุนสันติภาพให้แก่เวียดนาม ในระยะทำการเจรจาข้อตกลงปารีส เธอและสามี ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการเมือง ชัวซี เลอ รัว ได้ให้การช่วยเหลือคณะผู้แทนของเวียดนามอย่างเต็มที่ ที่เมือง Verierre le Buisson ยังคงมีบ้านที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของนาง เหงียนถิบิ่งและสมาชิกบางคนของคณะเจรจาแนวร่วมปลดปล่อยประชาชาติภาคใต้เวียดนาม

นิมิตหมายที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ตลอดไป

 45 ปีได้ผ่านพ้นไป เช่นเดียวกับสมาชิกของคณะเจรจาเวียดนาม 2 คณะ รวมทั้งชาวฝรั่งเศสและชาวเวียดนามในฝรั่งเศสในช่วงนั้น ซึ่งปัจจุบันก็ได้แก่ชราไปตามวัยและบางคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ประวัติศาสตร์รับรู้ว่า สิ่งที่พวกเขาทำได้มีส่วนร่วมสร้างกำแพงที่มั่นคงพร้อมกับความมุ่งมั่นของประชาชนเวียดนามเพื่อปกป้องสันติภาพให้แก่ประชาชาติเวียดนามจนประสบสำเร็จ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และเป็นพยานให้แก่สัมพันธไมตรีระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศส.