(VOVworld) – เมื่อ 41 ปีก่อนในวันที่ 27 มกราคมปี 1973 ข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการยุติสงครามและฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนามได้ถูกลงนามซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ในภารกิจการปฏิวัติที่รุ่งโรจน์ของประชาชนและหน่วยงานการทูตเวียดนาม ข้อตกลงปารีสปี 1973 ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจริง “ความชอบธรรมชัยชนะการใช้ความรุนแรง” เสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนที่ใฝ่สันติภาพและประชาชาติที่ถูกกดขี่ขูดรีดในโลกต่อภารกิจการต่อสู้ที่ชอบธรรม
การเจรจาข้อตกลงปารีส 1973ที่ยาวนานถึง 4 ปี 8 เดือน
|
ข้อตกลงปารีสปี 1973 ถูกลงนามภายหลังการเจรจาที่ยาวนานถึง 4 ปี 8 เดือนซึ่งตัวแทนของ4ฝ่ายที่ได้ลงนามข้อตกลงฉบับนี้ประกอบด้วย รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม สาธารณรัฐเวียดนามและรัฐบาลสหรัฐ
เสริมสร้างความไว้วางใจของประชาชนที่ใฝ่สันติภาพต่อภารกิจการต่อสู้ที่ชอบธรรม
การลงนามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการยุติสงคราม คืนสันติภาพกลับมาสู่เวียดนามได้เสร็จสิ้นการต่อสู้ด้านการทูตที่ยาวนานและลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์การทูตเวียดนามในศตวรรษที่ 20 เป็นนิมิตหมายแห่งชัยชนะทางประวัติศาสตร์ของประชาชนเวียดนามภายหลังกว่า 19 ปีแห่งการต่อสู้ที่กล้าหาญทั้งในแนวร่วมการเมือง การทหารและการทูตเพื่อต่อต้านผู้รุกรานอเมริกัน การต่อสู้ทั้งในสนามรบและในการเจรจาต่างมุ่งเป้าหมายคือทำให้สหรัฐยุติสงคราม ให้ความเคารพอธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดนของเวียดนาม
จากการลงนามข้อตกลงปารีส สหรัฐต้องยุติการทิ้งระเบิดภาคเหนือเวียดนาม ถอนทหารอเมริกันและพันธมิตรทั้งหมดออกจากภาคใต้เวียดนาม ส่วนประชาชนเวียดนามก็ได้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติยุทธศาสตร์ทำให้สหรัฐต้องถอนทหารออกจากเวียดนาม เปิดระยะใหม่ สร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อให้กองทัพและประชาชนเวียดนามเดินหน้าทำการต่อสู้ต่อไปจนประสบชัยชนะจากยุทธนาการโฮจิมินห์
ชันชนะนี้มาจากกระบวนการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพและประชาชนเวียดนามภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้มีความพยายามอันใหญ่หลวง มุ่งมั่นต่อสู้ พร้อมสละชีพเพื่อชาติเพื่อเอกราช เสรีภาพและเอกภาพของประเทศ ภายใต้การนำที่ปรีชาสามารถของพรรค ได้มีการกำหนดแนวทางการต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกาเพื่อกู้ชาติ แนวทางนโยบายต่างประเทศที่อิสระ พึ่งพาตนเอง ถูกต้องและคล่องตัว นอกจากนั้น เวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกในการผลักดันการจัดตั้งแนวร่วมประชาชนโลกที่ให้การสนับสนุนเวียดนามเพื่อต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกา
ท่าน เหงียนถี่บิ่ง อดีตหัวหน้าคณะเจรจารัฐบาลปฏิวัตเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนาม
|
ท่าน เหงียนถี่บิ่ง อดีตหัวหน้าคณะเจรจารัฐบาลการปฏิวัตเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนามได้แสดงความเห็นว่า การต่อสู้ด้านการทหารและการเมืองได้สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การต่อสู้ด้านการทูต “ก่อนอื่น ต้องย้ำถึงส่วนอุทิศของเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนในตลอด 20ปีแห่งการต่อสู้ กุลบุตรที่ยอดเยี่ยมของประเทศหลายคนได้เสียสละชีพเพื่อชาติ พวกเราเข้าใจว่า ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ในตรุษเต๊ตปี 1968 ไม่มีการปลอดปล่อยเมืองกว๋างจิและการต่อสู้ในตลอด 81 วันคืน ณ กำแพงเก่ากว๋างจิ ไม่มีเหตุการณ์เดียนเบียบฟูกลางเวหา ตลอดจนแนวหลังที่มั่นคงคือภาคเหนือก็จะไม่มีข้อตกลงปารีส รวมทั้ง ไม่มีมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 ”
การเตรียมพร้อมอย่างมั่นคงเพื่อให้เวียดนามก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก
การลงนามข้อตกลงปารีสปี 1973 ว่าด้วยการยุติสงคราม ฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนามได้ทำให้สหรัฐต้องยุติสงครามในเวียดนาม ถอนทหารออกจากเวียดนามและอินโดจีน ทางการหุ่นไซ่ง่อนไม่มีฐานที่พึ่งด้านการทหารและอ่อนแอลง ข้อตกลงฉบับนี้ได้เปิดระยะใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้แก่การปลดปล่อยภาคใต้เวียดนามอย่างสมบูรณ์และรวมประเทศเป็นเอกภาพเมื่อปี 1975
การประชุมปารีสและข้อตกลงปารีสปี 1973 ได้สร้างบทเรียนที่มีความหมายสำคัญอย่างลึกซึ้งในสภาวการณ์ปัจจุบัน เป็นสมบัติอันล้ำค่าเพื่อให้เวียดนามก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างมั่นคง นำความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนเข้าสู่ส่วนลึก มีเสถียรภาพและมั่นคง ช่วยเสริมสร้างพลังและสถานะของประเทศ ท่าน เจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศได้ย้ำว่า “ก่อนอื่น คือบทเรียนเกี่ยวกับการนำที่ปรีชาสามารถของพรรค การเปิดแนวร่วมด้านการทูต การส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของหน่วยงานการทูต การประสานงานอย่างใกล้ชิดกับแนวร่วมการเมือง การทหาร การชี้นำที่ใกล้ชิดและการรวมแนวร่วมต่างๆเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างพลังที่เข้มแข็งให้ได้รับชัยชนะ 2คือบทเรียนเกี่ยวกับการยืนหยัดปฏิบัติแนวทางด้านการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งพาตนเองเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ ประชาชาติ ประยุกต์ใช้แนวทางการทูตในยุคโฮจิมินห์อย่างถูกต้อง สร้างโอกาสเพื่อโน้มน้าวศัตรูเข้าร่วมการเจรจา เป็นฝ่ายรุกในการต่อสู้ด้านการทูตและเสร็จสิ้นการเจรจาเมื่อเงื่อนไขอำนวย สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่อย่างกลมกลืน ใช้การสนับสนุนของนานาประเทศเพื่อสร้างชัยชนะ”
41 ปีได้ผ่านพ้นไป แต่คุณค่าของการประชุมปารีสและข้อตกลงปารีสยังคงจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิของประชาชาติเวียดนามตลอดไปซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นและสติปัญญาเวียดนาม./.