การเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดผล

Hong Van/VOV5
Chia sẻ

(VOVworld)-ตามผลที่ประกาศเมื่อเช้าวันที่6ตุลาคม ปรากฎว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบราซิลต้องไปใช้สิทธิ์รอบสองที่จะมีขึ้นในวันที่26ตุลาคมนี้เนื่องจากไม่มีผู้ลงสมัครคนใดได้เสียงเกินร้อยละ50เพื่อที่จะสามารถกลายเป็นผู้นำประเทศ ...


(VOVworld)-ตามผลที่ประกาศเมื่อเช้าวันที่6ตุลาคม ปรากฎว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบราซิลต้องไปใช้สิทธิ์รอบสองที่จะมีขึ้นในวันที่26ตุลาคมนี้เนื่องจากไม่มีผู้ลงสมัครคนใดได้เสียงเกินร้อยละ50เพื่อที่จะสามารถกลายเป็นผู้นำประเทศ โดยในรอบสองนี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างคู่แข่งสองคนที่ได้คะแนนมากที่สุดในรอบแรกคือนาง ดิลม่า รุสเซฟ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคแรงงานและวุฒิสมาชิก เอซิโอเนเวส จากพรรคสังคมประชาธิปไตย แต่ผลการเลือกตั้งรอบสองนี้จะออกมาอย่างไรจะต้องจับตาการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด

การเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดผล - ảnh 1
คู่แข่งในรอบสองคือนางดิลม่ารุสเซฟและนาย เอซิโอ เนเวส(dantri.com.vn)

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลรอบแรกปรากฎว่า นางดิลม่า รุสเซฟ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้คะแนนเสียงมากที่สุดคือร้อยละ41.08 รองลงมาคือนาย เอซิโอ เนเวสได้ร้อยละ34.20 ส่วนผู้ลงสมัครที่ถือเป็นตัวเต็งอีกคนคือนาง มารินา ซิลวา ได้คะแนนเสียงแค่ร้อยละ21 ซึ่งเป็นอันว่าเธอไม่ได้สิทธิ์เข้าชิงเก้าอี้ผู้นำบราซิลในรอบต่อไป

ความได้เปรียบของผู้ลงสมัครสองคน

นางดิลม่า รุสเซฟ คือประธานาธิบดีหญิงคนแรกของบราซิล หลังจากที่สามารถเอาชนะคู่แข่งในการเลือกตั้งเมื่อปี2010ภายใต้การสนับสนุนของอดีตประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา  การที่ได้ขึ้นกุมอำนาจท่ามกลางเงื่อนไขที่สะดวกบวกกับแนวทางการบริหารที่คล่องตัว นางดิลม่า รุสเซฟได้มีส่วนร่วมไม่น้อยที่ช่วยให้บราซิลบรรลุผลสำเร็จทางเศรษฐกิจสังคมที่น่าพอใจ โดยตามรายงานของสหประชาชาติที่ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ ภายใต้การบริหารของนางดลม่า รุสเซฟ อัตราคนยากจนลดต่ำที่สุดคือร้อยละ75 จำนวนเด็กขาดโภชนาการลดลงครึ่งหนึ่งและอัตราคนว่างงานลดลงเหลือร้อยละ5ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติกาลในบราซิล ซึ่งนับเป็นผลงานที่น่าพอใจของรัฐบาลในการสร้างงานทำ การสนับสนุนด้านการเงินและการก่อสร้างบ้านพักหลายล้านหลังให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย และในแผนการหาเสียงเลือกตั้ง นางดิลม่า รุสเซฟ ได้ให้คำมั่นธำรงการปฏิบัตินโยบายพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการปฏิบัติความยุติธรรมทางสังคมที่ได้ดำเนินมาแล้ว12ปีนับตั้งแต่พรรคแรงงานกลายเป็นพรรครัฐบาล ที่อนุญาตให้ผู้ยากจนกว่า40ล้านคนปรับตัวเข้ากับชนชั้นกลาง

ส่วนสำหรับคู่แข่งของนางดิลม่า รุสเซฟ ซึ่งก็เป็นผู้ลงสมัครคนสำคัญอีกคนคือนาย เอซิโอ เนเวส เป็นคนที่โอนอ่อนและได้รับการสนับสนุนจากประชาคมผู้ประกอบการ เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่นิยมแนวโน้มเสรีใหม่และก็เป็นผู้นำของพรรคสังคมประชาธิปไตย เคยดำรงตำแหน่งประธานสภาล่างและเป็นวุฒิสมาชิกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี2013 นอกจากนั้นเขายังเกิดและเติบโตในครอบครัวที่มีเกียรติประวัติทางการเมืองและเป็นหลานของหนึ่งในนักการเมืองที่ได้รับความนับถือมากที่สุดของประเทศคืออดีตประธานาธิบดีตันเซโดเนเวสผู้ล่วงลับ ซึ่งจุดแข็งของนายเอซิโอ เนเวสคือมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชมรมนักธุรกิจและเคยเป็นผู้ว่าการมลรัฐ มีนาส เกราส ซึ่งเป็นมลรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสองของบราซิล โดยในระหว่างการเป็นผู้บริหารมลรัฐนี้เขาได้สร้างผลงานที่น่าพอใจในการฟื้นฟูหน่วยงานการเงิน เพิ่มการจัดสรรค์หนังสือตำราเรียนให้แก่นักเรียนประถมและหนังสือสำหรับคนตาบอด สรุปแล้วนาย เอซิโอ เนเวสเป็นบุคคลที่มีทัศนะแตกต่างกับรัฐบาลชุดปัจจุบันทั้งทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศแต่เขายังคงให้คำมั่นว่าจะธำรงและขยายโครงการด้านสังคมต่างๆในปัจจุบัน

เรื่องที่ไม่คาดคิดอาจพลิกผันสถานการณ์ได้

ประชามติยังจำได้ดีถึงเรื่องที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นในรอบแรกของการเลือกตั้งเมื่อนาย เอซิโอ เนเวสผู้ลงสมัครของพรรคฝ่ายค้านคือสังคมประชาธิปไตยได้แซงหน้าคู่แข่งตัวเต็งคือนาง มารินา ซิลวา เพื่อได้สิทธิ์เข้าชิงตำแหน่งในรอบที่สอง ซึ่งนับเป็นการพลิกสถานะที่ถือว่างดงามเพราะตามผลสำรวจประชามติก่อนการเลือกตั้งนายเอซิโอเนเวสไม่ได้คะแนนนิยมมากเท่านาง มารินา ซิลวา ส่วนสื่อบราซิลก็ได้รายงานข่าวที่เน้นหนักถึงการแข่งขันระหว่างสตรีสองคนในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามกระแส ดังนั้นประชามติจึงวิเคราะห์เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งรอบสองนี้อย่างระมัดระวังโดยเห็นว่ายากที่จะคาดผลได้เพราะยังมีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยชัยชนะในรอบสองนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของทั้งนางรุสเซฟและนายเนเวสในการดึงเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ได้ลงคะแนนให้แก่นาง มารินา ซิลวา ในรอบที่ผ่านมา

นอกจากนี้ สถานการณ์ที่เป็นจริงก็แสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเวลาที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อผลงานของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจากร้อยละ4ได้ลดลงเหลือร้อยละ1.5ต่อปี เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ6.5 กระแสการชุมนุมประท้วงเมื่อปี2013ที่คัดค้านการบริการสาธารณชนที่ย่ำแย่ รวมถึงการที่รัฐบาลทุ่มเงินมหาศาลไปกับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกได้ทำให้ภาพลักษณ์ของนางรุสเซฟและรัฐบาลตกต่ำลงสุดขีดโดยคะแนนนิยมเหลือเพียงร้อยละ30เมื่อเทียบกับร้อยละ78ก่อนหน้านั้น  ในขณะเดียวกันนางรุสเซฟยังต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่จากกรณีคอรัปชั่นของเครือปิโตรเลี่ยมแห่งชาติบราซิล เปโตรบาสที่สร้างความสั่นคลอนให้แก่วงการการเมืองและสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชน

ส่วนทางฝ่ายนาย เอซิโอ เนเวสนั้น หลังจากได้สิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบสองก็เริ่มกระบวนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทันทีโดยเขาได้ยืนยันว่า ตนรู้สึกภูมิใจเมื่อได้เป็นตัวแทนให้แก่ความหวังเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ของบราซิลและเห็นว่าทั้งสองพรรคการเมืองฝ่ายค้านในประเทศควรจับมือกันเพื่อยุติการกุมอำนาจเป็นเวลา12ปีของพรรคแรงงานฝ่ายซ้าย

เป็นอันว่า ใครจะเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของบราซิลก็ต้องรอผลการตัดสินในวันที่26ตุลาคมนี้ และใครในจำนวนผู้ลงสมัครสองคนจะได้เป็นผู้บริหารประเทศที่มีประชากรกว่า200ล้านคนตั้งแต่วันที่1มกราคมปี2015 สิทธิ์การตัดสินกำลังอยู่ในมือของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบราซิล./.

คำติชม