ดอกเตอร์ เจิ่นเวียดท้าย ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ |
ถึงแม้การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ มีขึ้นในระยะสั้นแต่มีความหมายพิเศษเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐเยือนเวียดนามในปีแรกของวาระการดำรงตำแหน่ง การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้นหากยังเป็นสาส์นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐต่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอีกด้วย
ขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือแบบพหุภาคี
ภูมิภาคเอเชียถือเป็นพลังขับเคลื่อนของการขยายตัวในโลก ในภูมิภาคเอเชีย เวียดนามได้รับการประเมินว่า เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเนื่องจากการปฏิรูปเศรษฐกิจและการปฏิบัติคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ดอกเตอร์ เจิ่นเวียดท้าย ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า
"กรอบความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้รับการกำหนดอย่างชัดเจน ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านได้รับการสถาปนาเมื่อปี2013และทั้งสองฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมในด้านต่างๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคม สหรัฐถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่นับวันมีบทบาทสำคัญมากขึ้นและนี่คือเหตุผลที่ส่งเสริมให้ผู้นำสหรัฐ โดยเฉพาะ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์เดินทางมาเยือนเวียดนาม”
การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งภายในและต่างประเทศ นอกรอบกิจกรรมต่างๆของสัปดาห์ผู้นำเอเปก2017 นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ยืนยันว่า การเยือนครั้งนี้มีความหมายในเชิงสัญญลักษณ์อย่างยิ่งใหญ่
“การที่ประธานาธิบดีสหรัฐเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปก2017และการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการได้ส่งสาส์นที่เข้มแข็งเกี่ยวกับคำมั่นของสหรัฐต่อความร่วมมือ การเชื่อมโยงและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สำหรับเวียดนาม ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านกับสหรัฐได้รับการสถาปนาเมื่อปี2013และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนับวันยิ่งได้รับการพัฒนาในทุกด้าน ผมเห็นว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีสหรัฐจะเป็นโอกาสเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศหารือมาตรการต่างๆเพื่อกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนให้สอดคล้องกับแนวโน้มร่วมในปัจจุบัน”
นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม |
แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ร่วมเพื่อมุ่งสู่อนาคต
ถ้ามองในภาพรวม ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังได้รับการขยายในด้านต่างๆแต่ยังมีปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ ดังนั้น ตามความคิดเห็นของดอกเตอร์ เจิ่นเวียดท้าย นอกจากเพื่อธำรงและผลักดันความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศแล้ว การเยือนครั้งนี้ก็เป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองประเทศส่งเสริมความเข้าใจ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์และจุดยืนร่วมต่อภูมิภาคและโลก“พวกเรามีความเชื่อมั่นว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงคำมั่นของสหรัฐและนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของสหรัฐต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเวียดนาม ช่วยเวียดนามเพิ่มทักษะความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม การผสมผสาน ให้ความเคารพความแตกต่างและร่วมมือกันเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ร่วม”
ประธานาธิบดีสหรัฐ Theorde Roosevelt เคยกล่าวว่า “ เมื่อคุณมีความเชื่อมั่น คุณประสบความสำเร็จได้ครึ่งหนึ่ง” ความไว้วางใจได้ช่วยนำความสัมพันธ์ร่วมมือเวียดนาม-สหรัฐฟันฝ่าความท้าทายต่างๆและบรรลุก้าวพัฒนาใหม่หลังจากที่ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานิบดีสหรัฐเป็นนิมิตหมายที่สำคัญ สร้างความไว้วางใจต่อชมรมสถานประกอบการและประชาชนทั้งสองประเทศเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ.