ประธานาธิบดีอินโดนีเซียและหัวหน้าพรรคเกรินดรา ปราโบโว สุเบียนโต ส่งเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม และภริยา เดินทางกลับประเทศ ณ ท่าอากาศยานทหารฮาลิม เปอร์ดานากุสุมาในกรุงจาการ์ตา (VNA) |
ทั้งอินโดนีเซีย สิงคโปร์และคณะเลขาธิการอาเซียนต่างให้ความสำคัญต่อการเยือนครั้งนี้ โดยได้ให้การต้อนรับเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม พร้อมภริยาและคณะผู้แทนของเวียดนามตามแบบรัฐพิธีในระดับสูงสุด ในกรอบการเยือนเป็นเวลา 5 วัน เลขาธิการใหญ่พรรคได้เข้าร่วมกว่า 40 กิจกรรม ได้แก่ การประชุม การเจรจาและการพบปะหารือต่างๆ การแถลงนโยบาย การพบปะกับชุมชนชาวเวียดนามในอินโดนีเซียและสิงคโปร์ และการเยี่ยมชมสถานที่ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมหลายแห่ง กระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่นและสถานประกอบการของเวียดนามและทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในหลายด้าน
ความหมายทางประวัติศาสตร์
อินโดนีเซียและสิงคโปร์เป็นกลุ่มประเทศที่ก่อตั้งอาเซียน และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนาที่สุดในกลุ่มอาเซียน การเยือนของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม นำผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาสู่ทั้งเวียดนามและประเทศหุ้นส่วน กระชับความร่วมมือทวิภาคีในด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคงและประชาชน เวียดนามได้ยกระดับความสัมพันธ์กับ 2 ประเทศในอาเซียนพร้อมกัน จึงช่วยกระชับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับทั้งสองประเทศนี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น และมีส่วนร่วมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นให้แก่อาเซียน
สำหรับอินโดนีเซีย นาย Budiarsa Sastrawinata นายกสมาคมมิตรภาพอินโดนีเซีย – เวียดนามได้เผยว่า การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นการยืนยันถึงความไว้วางใจทางการเมืองที่แข็งแกร่งและความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ
“การเยือนครั้งนี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและเปิดโอกาสความร่วมมือใหม่ๆ ให้แก่ทั้งสองประเทศซึ่งเป็นสองประเทศในอาเซียนที่มีประชากรจำนวนมากและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้น การเยือนครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่มีความหมายทางการเมืองเท่านั้น หากยังรวมถึงเศรษฐกิจและเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนอีกด้วย อินโดนีเซียและเวียดนามมีผู้นำคนใหม่เช่นกัน และการเยือนครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป”
นาย เบนี ซูกาดิส ผู้ประสานงานอาวุโสของสถาบันวิจัยด้านกลาโหมและยุทธศาสตร์แห่งอินโดนีเซียหรือ Lesperssi เผยว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านกับเวียดนามสอดคล้องกับเป้าหมายการเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะ ในด้านการผลิต พลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนของเวียดนามผ่านบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า VinFast ในอินโดนีเซียจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนขยายโอกาสให้ประเทศนี้พัฒนาเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย อาร์มานาธา คริสเตียวัน นาซีร์ แสดงความเห็นว่า
“ผมประทับใจกับการลงทุนของ Vinfast ในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซีย สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงคำมั่นของทั้งสองประเทศในการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นด้านที่ทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันได้ ทั้งสองฝ่ายยังสามารถแสวงหาและร่วมมือในด้านเทคโนโลยี เราจำเป็นต้องกำหนดด้านที่ทั้งสองฝ่ายมีความได้เปรียบ ความสามารถและสนับสนุนกันเพื่อร่วมมือและพัฒนาร่วมกัน”
สำหรับสิงคโปร์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนให้ลึกซึ้งมากขึ้น ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล นวัตกรรม เศรษฐกิจสีเขียว พลังงานสะอาด ขยายเครือข่ายเขตนิคมอุตสาหกรรม VSIP 2.0 ตามแนวทางนวัตกรรม การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมความร่วมมือในด้านการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนคณะเลขาธิการอาเซียน โดยย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสาตร์ของอาเซียนต่อเวียดนาม และยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามในการมีส่วนร่วมในเชิงรุกและมีความรับผิดชอบมากขึ้นต่อกิจกรรมของกลุ่ม ในโอกาสนี้ เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้เข้าร่วมพิธีฉลองครบรอบ 30 ปีการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของเวียดนาม และกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเวียดนามต่ออาเซียน นาง โตนถิหงอกเฮือง เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนถาวรเวียดนามประจำอาเซียนได้แสดงความเห็นว่า
“ด้วยการรำลึกครบรอบ 30 ปีการเข้าร่วมอาเซียนของเวียดนาม อาเซียน-เวียดนามจะยังคงพยายามมากขึ้นเพื่อร่วมมือกับประเทศสมาชิกบรรลุเป้าหมายของอาเซียนในระยะใหม่ ปฏิบัติวิสัยทัศน์ประชาคมปี 2045 และช่วยให้อาเซียนฟันฝ่าความท้าทายที่กำลังต้องเผชิญอย่างมั่นคงในสภาวการณ์ที่บรรยากาศระดับภูมิภาคและโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้”
นาย อาร์มานาธา คริสเตียนาวัน นาซีร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของวีโอวี |
กระชับผลงานที่ได้บรรลุอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
นาย บุ่ยแทงเซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเผยว่า เวียดนามจะทำงานร่วมกับอินโดนีเซียและสิงคโปร์เพื่อแปรกรอบความสัมพันธ์ใหม่ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการแบบบูรณาการเพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ในทุกด้าน กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเพื่อทำงานร่วมกับหุ้นส่วนทันที ทุกฝ่ายผลักดันความร่วมมือในด้านที่มีอยู่ อีกทั้ง เน้นส่งเสริมความร่วมมือด้านใหม่ๆ เช่น เศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ - เทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและพลังงานสีเขียว ตลอดจนจะทบทวนและตรวจสอบการดำเนินการตามแผนการและโครงการเพื่อให้ความตกลงร่วมมือต่างๆเข้าสู่ชีวิตจริง ส่งเสริมประสิทธิภาพ และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาให้ดีที่สุดในระยะใหม่
สำหรับอาเซียน เวียดนามยังคงส่งเสริมบทบาทในเชิงรุกและมีความรับผิดชอบโดยทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี การพึ่งตนเองและบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน กระชับกระบวนการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคให้ลึกซึ้งมากขึ้นผ่านกรอบความร่วมมือ เช่น วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2045 แผนการเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 ตลอดจน ส่งเสริมความคิดริเริ่มที่เสนอโดยเวียดนามอย่างเข้มแข็ง.