ร่างกฎหมายการคุ้มครอง ดูแลและให้การศึกษาเด็กฉบับแก้ไขมีการเพิ่มเติมสิทธิการมีส่วนร่วมเพื่อแสดงความคิดเห็นและความปรารถนาของพวกเขาให้สำนักงานและองค์การต่างๆได้รับทราบเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็ก พร้อมทั้งมีการระบุอย่างชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสิทธิ อำนาจ หน้าที่ของสำนักงานและบุคคลของภาครัฐ องค์กรการเมืองสังคมและองค์การมวลชนในการคุ้มครอง ดูแลและให้การศึกษาแก่เด็ก การจัดทำกฎหมายฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ในหลายปีที่ผ่านมาเวียดนามสามารถปฏิบัติภารกิจการคุ้มครอง ดูแลและให้การศึกษาแก่เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในตลอด 25 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ประสบผลสำเร็จและนิมิตหมายสำคัญเกี่ยวกับการผลักดันและค้ำประกันสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบกฎหมายและเอกสารให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่ให้ภาคียานุวัติและเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับสิทธิของเด็กเมื่อปี 1995 เวียดนามได้ร่างโครงการปฏิบัติแห่งชาติเพื่อเด็กและพยายามปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำการประชาสัมพันธ์เพื่อยกระดับจิตสำนึกของชุมชนเกี่ยวกับสิทธิของเด็ก นายด่าวจ่องที หัวหน้าคณะกรรมาธิการวัฒนธรรมและให้การศึกษาเยาวชน ยุวชนและเด็กแห่งรัฐสภาเผยว่า  “ต้องยืนยันว่า พรรคและรัฐให้การดูแลเอาใจใส่เด็กอยู่เสมอ เวียดนามได้ประกาศใช้กฎหมายการคุ้มครอง ดูและและให้การศึกษาเด็ก เรามีโครงการเป้าหมายแห่งชาติต่างๆเพื่อปฏิบัติสิทธิของเด็ก ซึ่งเด็กๆจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ ได้รับการศึกษาและได้รับการปกป้อง”

ส่วนนาย Jesper Moller รองหัวหน้าสำนักงานตัวแทนกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟประจำเวียดนามยืนยันว่า ยูนิเซฟชื่นชมความพยายามและความตั้งใจของเวียดนาม โดยเฉพาะการอนุมัติพื้นฐานทางนิตินัยที่สำคัญคือกฎหมายการคุ้มครอง ดูแลและให้การศึกษาเด็กเมื่อปี 2004 นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามได้มีคำมั่นต่างๆเพื่อค้ำประกันสิทธิด้านโภชนาการของเด็ก สิทธิการได้ไปโรงเรียนและสิทธิการได้เข้าถึงน้ำสะอาดและสุขอนามัยที่ดี นี่คือความพยายามอย่างสูงของเวียดนามเพื่อให้เด็กๆได้เติบโตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย

จากการดูแลเอาใจใส่ในด้านนโยบายและในการปฏิบัติ เด็กเวียดนามนับวันยิ่งมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่างระหว่างเด็กในเขตชนบทและเขตตัวเมืองในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขพื้นฐาน โภชนาการและการศึกษา ดังนั้น เวียดนามกำลังประสานงานกับยูนิเซฟปฏิบัติโครงการ “เชื่อมั่นในเลขศูนย์” ใน 8 จังหวัดเพื่อบรรลุเป้าหมายสหัสวรรษและลดช่องว่างดังกล่าว  เป้าหมายคือเด็กเวียดนามทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่อาศัยอยู่ในเขตชนบท เขตเขาและเด็กชนกลุ่มน้อยจะได้รับความยุติธรรมในการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขและการศึกษา ลดอัตราเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเสียชีวิตและไม่มีเด็กทุพโภชนาการ

ควบคู่กันนั้น รัฐบาลเวียดนามนับวันยิ่งให้ความสนใจต่อการรับฟังเสียงพูดของเด็ก ก่อนหน้านี้ระบบกฎหมายของเวียดนามยังไม่ระบุถึงสิทธิการมีส่วนร่วมของเด็ก นี่คือสิทธิ์ที่เด็กต้องเป็นฝ่ายรุกในการปฏิบัติในฐานะพลเมืองอายุน้อยของประเทศ เด็กส่วนใหญ่อยู่เฉยๆภายใต้การคุ้มครองและการดูแลเอาใจใส่จึงไม่ได้เป็นฝ่ายรุกปฏิบัติสิทธิของตน สิทธิการเข้าร่วมของเด็กคือสิทธิการพูดเกี่ยวกับปัญหาของตนที่ถูกระบุในร่างกฎหมายการคุ้มครอง ดูแลและให้การศึกษาแก้เด็กที่คณะกรรมาธิการสามัญแห่งรัฐสภาจะแสดงความคิดเห็นในอีกไม่กี่วันนี้ นายด่าวจ่องทีชี้ชัดว่า “รัฐธรรมนูญปี 2013 ได้ระบุเกี่ยวกับสิทธิของเด็กพร้อมกับสิทธิต่างๆอย่างเป็นทางการ ดังนั้น กฎหมายการคุ้มครอง ดูแลและให้การศึกษาเด็กที่ยื่นเสนอให้รัฐสภาแก้ไขสามารถเรียกอีกชื่อว่า กฎหมายของเด็ก โดยมีเนื้อหาที่สำคัญคือระบุถึงสิทธิของเด็กอย่างสมบูรณ์ รวมสิทธิ 4 ข้อที่ถูกระบุในอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของเด็กที่เวียดนามได้ให้ภาคียานุวัติคือ สิทธิความอยู่รอด สิทธิการพัฒนา สิทธิได้รับการคุ้มครองและสิทธิการมีส่วนร่วม ซึ่งสิทธิการมีส่วนร่วมเป็นสิทธิใหม่ที่เวียดนามยังไม่ได้พูดถึงในเวลาที่ผ่านมาแต่ในกฎหมายของเด็กที่จะได้ประกาศใช้ในเร็วๆนี้จะย้ำถึงการปฏิบัติสิทธิทั้ง 4 ข้อดังกล่าว”

เด็กมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของตน ความคิดเห็นของเด็กจะถูกพิจารณาในการวางแผนนโยบายและโครงการพัฒนาต่างๆของเวียดนาม การเพิ่มสิทธิให้แก่เด็กคืออีกก้าวหนึ่งในการปรับปรุงนโยบายสิทธิมนุษยชนในเวียดนามให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น.