การเขียนหน้าใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ (Photo:qdnd.vn) |
การที่เวียดนามและสหรัฐประกาศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมปี 1995 เป็นพื้นฐานที่สำคัญและเป็นพลังขับเคลื่อนที่เข้มแข็งเพื่อธำรงและพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างดีงามในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
30 ปี – กระบวนการที่มีนิมิตหมายต่างๆ
30 ปีเป็นกระบวนการพัฒนาอย่างข้ามขั้นในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐจากการเคยเป็นศัตรูกันจนถึงการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ การยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนในทุกด้านเมื่อปี 2013 และความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเมื่อปี 2023 ซึ่งเป็นผลการสร้างความไว้วางใจระหว่างสองประเทศในหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและความร่วมมือที่นับวันกว้างลึกมากขึ้น นาย เหงวียนก๊วกหยุง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐได้ยืนยันว่า
“30 ปีแห่งการปรับความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐให้เป็นปกติเป็นนิมิตหมายที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นกระบวนการที่หายากในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำหรับเวียดนามนี่เป็นผลการปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่เสมอต้นเสมอปลาย อิสระ พึ่งตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกเพื่อสันติภาพและการพัฒนา ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐพัฒนาเนื่องจากทั้งสองประเทศได้สร้างความไว้วางใจ แบ่งปันผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์และให้คำมั่นร่วมมืออย่างจริงจัง”
ในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เวียดนามและสหรัฐได้สร้างสรรค์ความสัมพันธ์พิเศษไม่เพียงแต่เนื่องจากประวัติศาสตร์เท่านั้น หากทั้งสองประเทศยังได้ฟันฝ่าประวัติศาสตร์เพื่อมุ่งสู่อนาคต ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นผ่านผลความร่วมมือโดดเด่นในด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความพยายามแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม การชะล้างสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน การเก็บกู้กับระเบิด การช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินและการค้นหาอัฐิทหารที่สูญหายการศึกษาและฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน นาย Marc Knapper เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามได้ย้ำว่า
“ผ่านการสนทนาและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ ทั้งสองฝ่ายได้สร้างความไว้วางใจและการเคารพกันผ่านการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่หลังสงคราม มีก้าวเดินที่เข้มแข็งผ่านการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ขยายโครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ซึ่งช่วยให้ประชาชนทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้น ร่วมกันเขียนหน้าใหม่ให้แก่ความร่วมมือและการแก้ไขความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพของภูมิอากาศและความมั่นคงด้านสาธารณสุข ผลักดันนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีและการศึกษา”
ควบคู่กับความร่วมมือทวิภาคี เวียดนามและสหรัฐยังผลักดันความร่วมมือพหุภาคีในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลก แลกเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับความท้าทายต่อภูมิภาคและโลกและมีส่วนร่วมต่อสันติภาพและเสถียรภาพร่วม
มุ่งสู่อนาคตด้วยโอกาสใหม่
ในสภาวการณ์ที่โลกและภูมิภาคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเหมือนในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพและพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการที่ทั้งสองประเทศร่วมกันฟันฝ่าความท้าทายเกี่ยวกับปัญหาภาษีศุลกากรในหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นี่เป็นความสัมพันธ์ที่สนับสนุนกัน ปรับตัวและนำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาให้แก่ทั้งสองประเทศ
สำหรับโอกาสความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในระยะต่อไป นาย เหงวียนก๊วกหยุง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐได้เห็นว่า
“ในเวลาที่จะถึง ทั้งสองประเทศอาจผลักดันความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูง ห่วงโซ่อุปทาน เทคโนโลยีการเกษตรและการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล เวียดนามมีความประสงค์ที่จะกลายเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือของสหรัฐในห่วงโซ่อุปทานโลก ส่วนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์- เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นจุดเด่นใหม่ โดยเฉพาะในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ พลังงานสะอาดและสาธารณสุข นอกจากนี้ การศึกษาและฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง กลาโหม-ความมั่นคง การพบปะสังสรรค์ระดับประชาชนและการแก้ไขผลเสียหายจากสงครามยังคงเป็นเสาหลักที่สำคัญ ซึ่งเป็นด้านความร่วมมือต่างๆที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้กำหนดในการยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเมื่อเดือนกันยายนปี 2023”
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ-การค้าในอนาคต การเชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ เช่น การแลกเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงิน การสนทนาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนทางการค้าในกรอบข้อตกลงการค้าและการลงทุนจะช่วยขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ นาย Ted Osius ประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียนได้ยืนยันว่า ทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนอีกมาก
“เวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือของสหรัฐและสถานประกอบการสหรัฐ สถานประกอบการชั้นนำ 64 แห่งของสหรัฐที่มาเยือนเวียดนามต่างมีความเชื่อมั่นต่ออนาคตที่สดใสของเวียดนาม และอยากแสวงหาบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่เข้มแข็งมากขึ้น สถานประกอบการสหรัฐกำลังจัดสรรอุปกรณ์ให้แก่โครงการพัฒนาด้านพลังงานบางโครงการในเวียดนาม นอกจากด้านพลังงานแล้ว การบินก็เป็นด้านความร่วมมือที่มีศักยภาพและสำคัญ ผมเห็นว่า ทั้งสองประเทศยังมีโอกาสด้านการเกษตรอีกมากและสามารถผลักดันการส่งออกสินค้าการเกษตรระหว่างกัน”
การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอย่างต่อเนื่องและกว้างลึกในตลอด 30 ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองประเทศได้ปิดฉากอดีต ฟันฝ่าความแตกต่าง ส่งเสริมความคล้ายคลึงกันและมุ่งสู่อนาคต นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เวียดนามและสหรัฐร่วมกันทบทวนกระบวนการที่ผ่านมา มุ่งสู่อนาคตและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่ดีงามในเวลาที่จะถึง.