การสนทนายุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย

Hong Van-VOV5
Chia sẻ

(VOVworld)-  วันที่3พฤษภาคม สหรัฐและจีนได้เริ่มการสนทนายุทธศาสตร์และเศรษฐกิจครั้งที่4 ซึ่งถือเป็นการเจรจาประจำปีที่สำคัญที่สุดเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาต่างๆในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย แต่บรรดานักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นว่า เป้าหมายนี้ยากที่จะสำเร็จเนื่องจากทั้งจีนและสหรัฐต่างก็มีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เฉพาะของตน.


(VOVworld)-  วันที่3พฤษภาคม สหรัฐและจีนได้เริ่มการสนทนายุทธศาสตร์และเศรษฐกิจครั้งที่4 ซึ่งถือเป็นการเจรจาประจำปีที่สำคัญที่สุดเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาต่างๆในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย แต่บรรดานักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นว่า เป้าหมายนี้ยากที่จะสำเร็จเนื่องจากทั้งจีนและสหรัฐต่างก็มีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เฉพาะของตน.

การสนทนายุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย   - ảnh 1
ผู้แทนสหรัฐในการสนทนา(Photo NHK)

การสนทนานี้ได้ดำเนินไปภายใต้การอำนวยการของรองนายกฯจีน หวางจี๋ซาง  สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน ใต้ปิ๋งกั๋ว รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฮิลลารี่ คลินตั้น และรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ทีโมที เกทเนอร์ โดยถึงแม้จะประชุมกันเป็นเวลาเพียง2วันแต่การสนทนาครั้งนี้ถือว่าจะส่งผลกระทบพอสมควรต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเนื่องจากจะมีการหารือในปัญหาใหญ่ๆทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งตามข้อมูลที่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศนั้น ทั้งสองฝ่ายจะให้ความสนใจในปัญหาความมั่นคงยุทธศาสตร์ ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงด้านพลังงาน ปัญหาซูดานและเอเซียใต้ ตลอดจนปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย คาบสมุทรเกาหลี การที่จีนจะนำเข้าน้ำมันจากอิร่านและความมั่นคงในการเดินเรือในทะเลตะวันออกเป็นต้น ส่วนในด้านเศรษฐกิจ จีนและสหรัฐจะหารือเกี่ยวกับการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและสมดุล แนวทางการพัฒนานโยบายการเงินของแต่ละประเทศ การขยายโอกาสความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน การปฏิรูปตลาดการเงิน ตลอดจนจะมีการรื้อฟื้นกระบวนการเจรจาข้อตกลงทวิภาคีว่าด้วยการคุ้มครองการลงทุน และจากหัวข้อที่สำคัญต่างๆดังกล่าวการสนทนาจึงได้รับความสนใจจากประชามติ โดยทั้งบรรดานักการเมืองและประชามติสหรัฐต่างได้แสดงความเห็นที่เข้มแข็งต่อแนวโน้มการพัฒนาที่สดใสในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐได้ให้ข้อสังเกตุว่า จีนเป็นประเทศที่มีทั้งโอกาสและการท้าทายที่ผสมผสานกันมากที่สุดในโลกและในเวลาที่ผ่านมาทางการของประธานาธิบดี บารัก     โอบามาก็สามารถบรรลุความคืบหน้าที่สำคัญในการปฏิบัติเป้าหมายต่างๆของตน ส่วนกลุ่มผู้นำสถานประกอบการสหรัฐเห็นว่าการสนทนานี้เป็นโอกาสที่ดีเพื่อให้จีนผลักดันการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน  โดยประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-จีน จอนห์ ฟรีสบี ได้กล่าวว่า บริษัทต่างๆของสหรัฐหวังว่าจีนจะอนุญาตให้บริษัทต่างชาติถือกรรมสิทธิ์สถานประกอบการของจีน

นอกจากความคาดหวังเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาต่างๆแล้ว การสนทนาครั้งนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลสำเร็จของกระบวนการร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองฝ่าย โดยก่อนหน้านี้สหรัฐได้เร่งรัดให้จีนทำการปฏิรูปด้านการเงินเพื่อสร้างความเสมอภาคในการแข่งขันระหว่างสองฝ่าย ซึ่งรวมไปถึงปัญหาค่าเงินหยวน แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายสหรัฐก็ไม่อยากทำให้ปัญหานี้กลายเป็นประเด็นร้อนในที่สนทนาเพราะหลายสาเหตุ หนึ่งคือการขาดดุลการค้าของสหรัฐมีลักษณะพหุภาคี โดยในปี2010 สหรัฐขาดดุลการค้ากับ88ประเทศ  ค่าเงินหยวนได้แข็งค่ากว่าร้อยละ31.4เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐนับตั้งแต่ปี2005 และการเพิ่มมูลค่าการผลิตภายในของจีนได้สะท้อนให้เห็นในสินค้าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐเพียงร้อยละ20-30เท่านั้นเนื่องจากปริมาณสินค้าส่งออกร้อยละ60มาจากสถานประกอบการที่มีเงินทุนต่างชาติ ซึ่งหมายความว่า อัตราการเเลกเปลี่ยนมิใช่ปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าทวิภาคีสหรัฐ-จีน

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ระหว่างประเทศก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อผลการสนทนา ซึ่งก่อนอื่นคือก่อนเข้าร่วมการสนทนานี้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้เดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเซียได้แก่อินเดียและฟิลิปปีนส์ ซึ่งต่างก็เป็นประเทศที่กำลังมีปัญหาความขัดแย้งกับจีนอยู่ ส่วนการสนทนาความมั่นคงยุทธศาสตร์จีน-สหรัฐครั้งที่2ที่มีขึ้นในกรอบการสนทนาดังกล่าวและเพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 2พฤษภาคมก็ไม่สามารถบรรลุความคืบหน้ามากนัก โดยทั้งสองฝ่ายเพียงได้ตกลงกันในแนวทางการพัฒนาระเบียบการสนทนาความมั่นคงยุทธศาสตร์และส่งเสริมบทบาทของระเบียบการนี้ในการเพิ่มความเชื่อถือทวิภาคีเท่านั้น 

ส่วนตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ถึงแม้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีนได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องแต่ในภาพรวมความสัมพันธ์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศก็ยังไม่ราบรื่นเนื่องจากปัญหาที่ซับซ้อนต่างๆที่ไม่สามารถแก้ไขในอีกวันสองวันได้ เพราะฉนั้น การสนทนาครั้งนี้เหมือนเป็นการวางพื้นฐานเพื่อให้ทั้งจีนและสหรัฐสร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคตเท่านั้น./.  

คำติชม