(VOVworld) – เมื่อ 70 ปีก่อน ท่ามกลางบรรยากาศการปฏิวัติในฤดูใบไม้ร่วงเดือนสิงหาคม กฤษฎีกาของประธานโฮจิมินห์ที่ลงนามเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมปี 1945เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามได้ก่อตั้งหน่วยงานการทูตเวียดนามในยุคใหม่อย่างเป็นทางการ ในตลอด 70 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับหน่วยงานอื่นๆ การทูตเวียดนามได้มีส่วนร่วมนำประเทศเวียดนามจากที่เคยเป็นประเทศที่ไม่ถูกระบุชื่อบนแผนที่โลกกลายเป็นประเทศที่มีสถานะและบทบาทที่นับวันเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคและโลกและได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศ
การทูตเวียดนาม: 70 ปียืนหยัดปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่สันติภาพ
|
ประวัติศาสตร์ของเวียดนามคือประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้และในตลอด70 ปีที่ผ่านมา การทูตเวียดนามยังคงผูกพันกับประชาชาติโดยไม่เพียงแต่ปกป้องดอกผลของการปฏิวัติของรัฐเวียดนามที่เพิ่งได้รับการก่อตั้งเท่านั้นหากยังมีส่วนร่วมสร้างพลังที่เข้มแข็งและนำสงครามที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานของประชาชาติเวียดนามประสบชัยชนะอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ยืนหยัดแนวคิดการทูตโฮจิมินห์
ตั้งแต่ปี 1945 จนถึงปัจจุบัน การทูตเวียดนามได้รับการก่อตั้งบนพื้นฐานแนวคิดของประธานโฮจิมินห์โดยย้ำถึงจิตใจ “เป็นเพื่อนกับนานาประเทศ ไม่สร้างความบาดหมาง” เนื้อหาหลักของแนวคิดการทูตโฮจิมินห์คือจิตใจแห่งการใฝ่สันติภาพและสามัคคีกับเพื่อนมิตรต่างชาติ ดังนั้น เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกในระยะการพัฒนาต่างๆอยู่เสมอไม่ว่าในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชประชาชาติ ตลอดจนการระดมพลังให้แก่การฟื้นฟูประเทศและปกป้องอธิปไตย
นาย หง แสว หยุง เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนาม
|
ในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ ปฏิบัติตามแนวทาง “พร้อมที่จะเป็นเพื่อนมิตรกับทุกประเทศที่มีประชาธิปไตย” เวียดนามได้ “เป็นเพื่อน เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือของทุกประเทศและเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลกอย่างแท้จริง” นาย หง แสว หยุง เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนามได้ประเมินว่า “เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับกว่า 180 ประเทศ สถาปนาความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกับกว่า 230 ประเทศและดินแดน เป็นสมาชิกที่กระตือรือร้นขององค์การทั้งในระดับภูมิภาคและโลกกว่า 70 องค์การ เวียดนามยังเข้าร่วมกลไกพหุภาคีทั้งในระดับภูมิภาคและโลก เช่นสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก ฟอรั่มความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป องค์การอาเซียนและมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในฟอรั่มดังกล่าว”
จากการยืนหยัดปฏิบัติแนวทางการทูตที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง สันติภาพ ร่วมมือและพัฒนา ปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศที่เปิดเผยและมีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย การทูตเวียดนามได้มีส่วนร่วมรักษาบรรยากาศสันติภาพและเสถียรภาพให้แก่การพัฒนาของประเทศ การทูตได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อการผลักดันความสัมพันธ์เศรษฐกิจการต่างประเทศ นับเป็นครั้งแรกภายหลัง 2 ทศวรรษ ที่เวียดนามได้เปรียบดุลการค้าตั้งแต่ปี 2012-2014 เป็นจุดเด่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศโดยมีการเข้าร่วมของกลุ่มบริษัทข้ามชาติชั้นนำของโลกกว่า 100 แห่งซึ่งในนั้นกลุ่มบริษัทหลายแห่งจะทำงานระยะยาวในเวียดนาม สำหรับปัญหานี้ นาย Jean Noel Poirier (ยัง โน แอน ปวา รี เอ) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเวียดนามได้ยืนยันว่า“ปัจจุบัน เวียดนามได้รับการยอมรับเป็นเสาหลักสันติภาพของภูมิภาคและโลกซึ่งหมายความว่า เวียดนามได้รับการยกย่องจากประชาคมโลก เมื่อผมถามนักลงทุนฝรั่งเศส พวกเขาต่างยืนยันว่า บรรยากาศสันติภาพและเสถียรภาพได้ดึงดูดใจ ทำให้พวกเขาเลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางในการลงทุน”
นาย Jean Noel Poirier เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเวียดนาม
|
มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคและโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและในยุคโลกาภิวัตน์ที่การพึ่งพาระหว่างประเทศต่างๆนับวันมากขึ้นจึงทำให้การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกได้กลายเป็นทางเลือกที่จำเป็นและมีภาวะวิสัย ต้องทำเช่นไรเพื่อกำหนดประเทศให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดในกระดานยุทธศาสตร์ในภูมิภาคและโลกโดยมีบทบาทเป็นผู้เดินหน้าและเปิดทางการทูตเวียดนามได้เกาะติดกระแสแห่งยุคใหม่ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อยกระดับสถานะของประเทศ รักษาบรรยากาศที่สันติภาพและเสถียรภาพเพื่อสนับสนุนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ
ภายหลัง 70 ปีสามารถยืนยันได้ว่า สถานะของเวียดนามในภูมิภาคและโลกได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ได้รับการยอมรับจากประเทศต่างๆทั้งในภูมิภาคและโลก สถานะของเวียดนามได้รับการประเมินผ่านผลงานในการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศและผลสำเร็จในการปฏิบัติคำมั่นระหว่างประเทศ ตลอดจนเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ โดยเฉพาะประชาคมโลกได้ชื่นชมการที่เวียดนามปฏิบัตินโยบายการทูตที่สันติภาพและเป็นมิตร พยายามรักษาสันติภาพของภูมิภาคในสภาวการณ์ที่ความมั่นคงในภูมิภาคกำลังมีการผันผวนอย่างซับซ้อน ความเสี่ยงที่จะเกิดการพิพาทดินแดน อธิปไตยทางทะเลและเกาะแก่งกำลังเกิดขึ้นเป็นปัญหาที่ร้อนแรงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นาง Victoria Kwakwa ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำเวียดนามได้แสดงความเห็นว่า “เวียดนามได้เข้าร่วมข้อคิดริเริ่มความร่วมมือภูมิภาค เวียดนามได้ธำรงสันติภาพกับประเทศเพื่อนบ้านและปัจจุบัน กำลังใช้กลไกระหว่างประเทศเพื่อแสวงหามาตรการให้แก่ทั้งปัญหาที่กำลังมีความตึงเครียดคือการพิพาทดินแดนกับจีนในทะเลตะวันออก วิธีการเข้าถึงของเวียดนามได้ช่วยปิดฉากอดีตของสงครามที่ดุเดือดเพื่อร่วมมือกับประเทศที่อยู่ใกล้ สร้างสรรค์สัมพันธไมตรีกับทุกประเทศ นี่คือชัยชนะที่น่าชื่นชมของการทูตเวียดนาม”
ในฐานะประเทศที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เวียดนามกำลังมีโอกาสมากมายเพื่อผสานพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติกับพลังแห่งยุคในสถานการณ์ใหม่ ใช้เงื่อนไขที่สะดวกเพื่อปฏิบัติการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยให้ประสบความสำเร็จ การทูตเวียดนามส่งเสริมเกียรติประวัติ 70 ปีการเป็นกองกำลังเดินหน้าและนำประเทศผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างสมบูรณ์.