การประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสภาแห่งชาติครั้งที่ 31 (quochoi.vn) |
ตามความเห็นของนาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีต่างประเทศ ตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ สมัยที่ 13 ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้เจรจาและลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี 5 ฉบับ ทำให้จำนวนข้อตกลง FTA ที่กำลังเจรจา ลงนามและบังคับใช้จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 19 ฉบับโดยมี 16 ฉบับที่ได้มีผลบังคับใช้รวมหุ้นส่วนกว่า 60 รายซึ่งครอบคลุมทุกทวีป คิดเป็นส่วนใหญ่ของ GDP โลก ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศนำหน้าของภูมิภาคในการเข้าร่วมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เมื่อปี 2023 อังกฤษได้รับรองเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามและการพิจารณารับรองเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามก็ถูกระบุในแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐ จนถึงขณะนี้ จำนวนหุ้นส่วนที่ให้การรับรองเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามอยู่ที่ 72 ราย
นี่คือพื้นฐานที่สะดวกเพื่อให้เวียดนามส่งเสริมความร่วมมือทางการค้ากับหุ้นส่วนต่างๆ เปิดตลาด ลดหรือยกเลิกกำแพงกีดกันทางการค้าต่อสินค้าเวียดนาม ค้ำประกันและพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน ร่วมมือเพื่อยกระดับกำลังการผลิต ขยายตลาดดั้งเดิมและเปิดตลาดใหม่ๆกับหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ
ผลักดันการประสานงานระหว่างกระทรวงและหน่วยงานต่างๆเพื่อกระตุ้นการส่งออกและเชื่อมโยงสถานประกอบการ
จากการเกาะติดแนวทางของพรรคเกี่ยวกับการสร้างสรรค์การทูตเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ในเวลาที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตัวแทนเวียดนามในต่างประเทศได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ กระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่นและสถานประกอบการเพื่อขยายการส่งออก โดยเน้นพัฒนาเศรษฐกิจในจุดผ่านแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐมนตรีต่างประเทศ บุ่ยแทงเซิน ย้ำว่า
“เราเชื่อมโยงกับจีนผ่านทางบก และกำลังก่อสร้างเส้นทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงกับหุ้นส่วนต่างๆ 2 คือเราเจรจากับหุ้นส่วนต่างๆเกี่ยวกับข้อกำหนดและมาตรฐานสินค้าเพื่อส่งออกอย่างเป็นทางการ เนื่องจากขณะนี้ สินค้าเวียดนามมีคุณภาพสูงมาก เราสามารถปฏิบัติเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนซึ่งจะมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืนและยาวนาน”
ในสภาวการณ์ที่การส่งออกไปยังยุโรปซึ่งส่วนใหญ่คือเสื้อผ้าและรองเท้ากำลังเผชิญกับความยากลำบากมากมาย เวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกในการแสวงหาตลาดใหม่ๆ และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและป่าไม้ รัฐมนตรี บุ่ยแทงเซิน ยืนยันว่า นอกจากตลาดดั้งเดิมแล้ว กระทรวงการต่างประเทศยังมอบหมายให้บรรดาเอกอัครราชทูตแสวงหาและขยายตลาด โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกาที่มีศักยภาพ
“ขณะนี้ เรากำลังประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติภารกิจต่างๆ 1 คือ สั่งให้สำนักงานตัวแทนการทูตให้การช่วยเหลือจังหวัด นครและสถานประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งในภูมิภาคตะวันออกกลาง-แอฟริกา โดยเฉพาะประเทศในเขตอ่าว 2 คือสนับสนุนการส่งออกสินค้าที่เป็นจุดแข็ง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ไม้ไปยังตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกาต่อไป ควบคู่กับการเรียกร้องการลงทุนจากกองทุนลงทุนในภูมิภาคตะวันออกกลางในด้านที่พวกเขาให้ความสนใจ เช่น โลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐานและพลังงานหมุนเวียน”
ในเวลาที่จะถึง กระทรวงการต่างประเทศเผยว่า จะส่งเสริมการจัดทำและการปรับปรุงกรอบกฎหมาย นโยบายของรัฐและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรับรองผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลในเวียดนามและร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในด้านอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการและท้องถิ่นของเวียดนามกับตลาดอาหารฮาลาล
ผลักดันกระบวนการพัฒนาการทูตเศรษฐกิจต่อไป
ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกได้รับการคาดการณ์ว่า ยังคงมีความยากลำบากและมีความผันผวนอย่างซับซ้อน สินค้าเวียดนามกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมายเนื่องจากตลาดสำคัญๆ ได้มีการเพิ่มข้อกำหนดมาตรฐานใหม่มากขึ้น ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทาน วัสดุสะอาด แรงงาน สิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการและแหล่งกำเนิดสำหรับสินค้านำเข้า ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดว่า งานด้านการทูตเศรษฐกิจต้องได้รับการส่งเสริมมากขึ้น
นอกจากการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลเพื่อส่งเสริมกรอบความร่วมมือกับหุ้นส่วนซึ่งเป็นตลาดใหญ่และเป็นตลาดสำคัญของเวียดนามแล้ว หน่วยงานการทูตยังประสานงานในการเดินหน้าสร้างโอกาส เจรจาและลงนามข้อตกลง FTA ใหม่ตามแนวทางคัดเลือกและให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อข้อตกลง FTA ใหม่บนพื้นฐานแห่งการค้ำประกันผลประโยชน์ของประชาชาติเป็นหลัก ทางกระทรวงฯ ยังสั่งให้สำนักงานตัวแทนและหน่วยงานการค้าเวียดนามในต่างประเทศเกาะติดข้อมูลตลาด ข้อกำหนดและนโยบายใหม่ๆ ของประเทศปลายทาง เตือนความเสี่ยง อุปสรรคทางเทคนิคและการพิพาททางการค้าอย่างทันท่วงที เพื่อให้คำปรึกษาแก่รัฐบาล หน่วยงาน ท้องถิ่นและสถานประกอบการภายในประเทศเกี่ยวกับโอกาสใหม่ในการขยายตลาด การปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่เป็นจริง และปกป้องผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของสถานประกอบการและประชาชน.