การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคือการปกป้องสิทธิมนุษยชนในการเข้าสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม

Thu Hoa
Chia sẻ
(VOVWORLD) - รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศใช้กฤษฎีกาฉบับที่ 13 ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม อันเป็นความพยายามเพื่อมีส่วนร่วมต่อการจัดทำกรอบทางนิตินัยเพื่อสนับสนุนโครงการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติ มุ่งสู่ความปลอดภัยของข้อมูลและการพัฒนาสังคมดิจิทัลอย่างรอบด้าน กฤษฎีกาฉบับนี้ระบุสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลอย่างครอบคลุมในฐานะเจ้าของข้อมูล ระบุข้อกำหนดทางเทคนิคและกฎหมายเพื่อให้สถานประกอบการสามารถแก้ไขและบริหารฐานข้อมูลของพลเมืองเวียดนาม กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสำนักงานที่ดูแลการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในเวียดนาม และเสนอข้อกำหนดพิเศษสำหรับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ ด้วยข้อกำหนดที่ละเอียดชัดเจน กฤษฎีกาฉบับนี้ถือเป็นเกราะป้องกันใหม่ในการปกป้องสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคือการปกป้องสิทธิมนุษยชนในการเข้าสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม - ảnh 1(Techlicious)

 

กฤษฎีกาฉบับที่ 13 ปี 2023 กำหนดว่า“ข้อมูลส่วนบุคคลคือข้อมูลในรูปแบบของสัญลักษณ์ ตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ เสียง หรือสิ่งที่มีรูปแบบในลักษณะเดียวกันในทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและสามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้” โดยข้อใหม่คือเป็นครั้งแรกที่กฤษฎีกานี้ครอบคลุมถึง “ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน” ซึ่งถูกแยกจากข้อมูลจากข้อมูลทั่วไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสากลของกฎหมายต่าง ๆเมื่อเทียบกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของนานาประเทศ และสร้างพื้นฐานเพื่อระบุข้อกำหนดด้านกฎหมายในระดับสูงเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

ที่น่าสนใจคือ แนวคิดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่ถูกกล่าวถึงนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาของการเข้าถึงสิทธิในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของการปกป้องความเป็นส่วนตัว ซึ่งหมายความว่า ทุกคนมีสิทธิ์ในเรื่องความเป็นส่วนตัว รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น ข้อกำหนดของกฤษฎีกาฉบับที่ 13 ปี 2023 ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลจึงมุ่งสู่การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัว

ปกป้องสิทธิมนุษยชนในยุคดิจิทัลให้ดีขึ้น

ข้อมูลส่วนบุคคลกำลังกลายเป็นปัจจัยหลักสำหรับการทำธุรกิจ และมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการสร้างมูลค่าและผลกำไรสูงในระบบเศรษฐกิจของประเทศ สถานการณ์นี้ได้ทำให้รัฐบาลต้องมีมาตรการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกันระหว่างการใช้และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล การรับมือและการลดความเสี่ยง การแก้ไขการละเมิดเพื่อรักษาคุณค่าในการพัฒนาของข้อมูลส่วนบุคคล ดร. เหงียนถิฮวาน อาจารย์ของภาควิชากฎหมายระหว่างประเทศ สังกัดมหาวิทยาลัยกฎหมายนครโฮจิมินห์ ประเมินว่า

“ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลในปัจจุบัน ฐานข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูก “แฮ็ก” และนำไปใช้เพื่อเป้าหมายที่ผิดกฎหมาย กฎหมายปัจจุบันมีบทบัญญัติลงโทษทางแพ่ง ทางวินัยและทางอาญาเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการกระทำที่ผิดฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดและไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล”

ตามความเห็นของนาง เหงียนถิฮวา การประกาศใช้กฤษฎีกาฉบับนี้เป็นการแปรเนื้อหาของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิในการปกป้องความลับส่วนบุคคล สิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมืองและความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้เป็นข้อกำหนดเพื่อการปฏิบัติ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความพยายามในการปกป้องสิทธิมนุษยชนในการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม นี่เป็นขั้นตอนในการปฏิบัติตามแนวทางและนโยบายของพรรคและรัฐ และการค้ำประกันความพร้อมเพรียงและความเป็นเอกภาพในระบบนโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคือการปกป้องสิทธิมนุษยชนในการเข้าสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม - ảnh 2นาย  โงวีด่ง รองประธานสมาพันธ์ความปลอดภัยข้อมูลเวียดนาม (vietnamnet.vn)

มีความกลมกลืนกับนานาชาติและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงของเวียดนาม

ปัจจุบัน มีกว่า 80 ประเทศได้ประกาศใช้เอกสารทางกฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และเอกสารหลายฉบับที่มีข้อกำหนดบังคับใช้ต่อองค์กรและบุคคลในเวียดนาม ดังนั้นการจัดทำและประกาศใช้กฤษฎีกาฉบับนี้ของเวียดนามจะต้องสอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยุติธรรมและให้ความเคารพกฎหมายในเวียดนาม ตามการประเมินของกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กฤษฎีกาฉบับที่ 13 ปี 2023 สอดคล้องกับหลักการทั่วไปของอนุสัญญาและคำแนะนำระหว่างประเทศ รวมถึง หลักการปกป้องความลับขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจหรือ OECD รวมถึง อนุสัญญาของสภายุโรปเกี่ยวกับการปกป้องบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติ การแนะนำของสหประชาชาติเกี่ยวกับไฟล์ข้อมูลและข้อมูลส่วนบุคคลในคอมพิวเตอร์ กรอบการรักษาความลับของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปก มาตรฐานระหว่างประเทศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลและข้อมูลส่วนตัวหรือมติ Madrid กฎหมายองค์กรของรัฐอเมริกันหรือ OAS เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลและข้อมูลส่วนตัวปี 2014 และล่าสุดคือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของอียูหรือ GDPR

 เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตและการใช้อินเตอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก โดยจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเวียดนามบรรลุเกือบ 69 ล้านคนจากจำนวนทั้งหมด 100 ล้านคน เวียดนามยังส่งเสริมการสร้างรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ มุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีการเข้าร่วมอย่างกว้างขวางมากขึ้นของหน่วยงานราชการ สาธารณสุข กฎหมาย พลเมือง การรับรองความถูกต้อง อีคอมเมิร์ซ การศึกษา การเงิน ธนาคารและภาษี และเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร ปัญญาประดิษฐ์ อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง คลาวด์คอมพิวติ้งและบิ๊กดาต้าถูกประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง สร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สังคม กฤษฎีกาฉบับที่ 13 เป็นพื้นฐานทางนิตินัย ช่วยให้ประชาชนมีจิตสำนึกที่ดีเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในสภาวการณ์ที่เวียดนามผลักดันการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล นาย  โงวีด่ง รองประธานสมาพันธ์ความปลอดภัยข้อมูลเวียดนามประเมินว่า

 “ผมคิดว่า กฤษฎีกาฉบับนี้ต้องได้รับการเผยแพร่และทุกคนต้องตระหนักได้ดีว่า เราใช้เทคโนโลยีในฐานะบุคคลเช่นเดียวกับสถานประกอบการ เราต้องตระหนักได้ดีเกี่ยวกับข้อมูลของเรา สิ่งที่ต้องปกป้องและระมัดระวัง   เราจะไม่มีวิธีการป้องกันได้ถ้าหากแต่ละคนไม่ตระหนักในเรื่องการปกป้องตนเอง”

การประกาศใช้กฤษฎีกาฉบับที่ 13 ปี 2023 จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่การจัดทำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการยกระดับการปฏิบัติการปกป้องสิทธิมนุษยชนในกระบวนการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลของเวียดนาม.

คำติชม