( VOVworld ) - เมื่อเร็วๆนี้ ศาลประชาชนนครโฮจิมินห์ได้พิพากษาตัดสินคดีบล็อคเกอร์บางคนฐานปล่อยข่าวต่อต้านรัฐสังคมนิยมตามประมวลกฎหมายอาญาของเวียดนาม มาตรา ๘๘ ซึ่งองค์การรักษาความมั่นคงได้ตรวจพบเว็บไซต์บางเว็บว่า ได้ปล่อยข่าวยุยงและบิดเบือนแนวทาง นโยบายของพรรคและรัฐ ปล่อยข่าวที่ไร้มูลความจริงเกี่ยวกับบรรดาผู้นำพรรคและรัฐเวียดนาม ซึ่งข่าวสารทางสังคมออนไลน์ดังกล่าวได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อประเทศดังนั้นต้องขยายการควบคุมข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตเพื่อพัฒนาประเทศ
|
จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเวียดนามเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว |
ก่อนที่ศาลนครโฮจิมินห์พิพากษาตัดสินคดีปล่อยข่าวที่บิดเบือนดังกล่าว วันที่ ๑๒ กันยายนที่ผ่านมา สำนักรัฐบาลได้ประกาศคำสั่งของท่านเหงวียนเติ้นหยูงนายกฯที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำการสอบสวนและดำเนินคดีกับเว็บไซต์จำนวนหนึ่งเช่นบล็อคและเครือข่ายข่าวสารที่ได้เสนอข่าวใส่ร้าย ผิดพลาดและไม่ถูกต้องเพื่อป้ายสีกลไกการบริหารของประเทศ อีกทั้งยังยุยงต่อต้านพรรคและรัฐเวียดนาม สร้างความระแวงสงสัยในสังคม ซึ่งเป็นเพทุบายมืดมนของอิทธิพลที่เป็นอริเพื่อบ่อนทำลายประเทศเวียดนาม นายเหงวียนบั๊กซอน รัฐมนตรีสื่อสารและประชาสัมพันธ์เห็นว่า “ อิทธิพลที่เป็นอริได้ฉกฉวย ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อโฆษณาปล่อยข่าวต่อต้านทำลายเวียดนามในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจและแนวความคิด โดยได้ใช้กลอุบายต่างๆเพื่อใส่ร้าย ปั้นแต่งข่าวสร้างความแตกแยกภายใน ยุยงโจมตีบทบาทการนำของบรรดาผู้นำพรรคและรัฐ รวมทั้งบิดเบือนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติตลอดจนแนวทางและนโยบายของพรรคและรัฐ ซึ่งเป็นเพทุบายฉกฉวยการสร้างสรรค์และปรับปรุงพรรคในปัจจุบันของเวียดนามเพื่อก่อความขัดแย้งภายในพรรค การโฆษณาปล่อยข่าวยุยงเพื่อปั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อทำลายเป้าหมายอันสูงส่งของมติที่ ๔ ของคณะกรรมการกลางพรรคเกี่ยวกับการสร้างสรรค์และปรับปรุงพรรค ” หลังจากนั้น เครือข่ายข่าวสารสังคมออนไลน์และบล็อคได้เสนอข่าวโดยแก้ต่างว่า การโพสต์บทวิพากวิจารณ์ทางอินเตอร์เน็ตเป็นสิทธิเสรีภาพในการสื่อสาร และการควบคุมอินเตอร์เน็ตอย่างเข้มงวดนั้นเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน องค์การต่างประเทศบางองค์กรก็มีข้อครหาเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม แต่เราขอยืนยันว่า ข้อครหาดังกล่าวไร้มูลความจริง เช่นเดียวกับหลายประเทศในโลก การเสนอข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตในเวียดนามต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักการอย่างละเอียด โดยต้องเป็นข่าวสารที่มีภาวะวิสัยและถูกต้อง ข้อมูลข่าวสารที่ปั้นแต่งหรือป้ายสี ต่อบุคคลหรือองค์การล้วนเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและผู้ที่ฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย การขยายการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อเครือข่ายข่าวสารข้อมูลออนไลน์ตามคำสั่งของนายกฯหรือการที่ศาลพิพากษาตัดสินคดีบล็อคเกอร์นั้นเป็นกระบวนการขยายการควบคุมข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของเวียดนาม เพื่อให้ประชาชนเวียดนามทุกคนได้ปฏิบัติสิทธิของตนตามกฎหมาย นายเหงวียนบั๊กซอน รัฐมนตรีสื่อสารและประชาสัมพันธ์ชี้ชัดว่า “ ทางกระทรวงได้ร่างระเบียบการเกี่ยวกับการควบคุมและใช้ข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตฉบับแก้ไข ช่วงที่ผ่านมา ทางกระทรวงได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการควบคุมและลงโทษต่อผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยเริ่มจากเบาไปหาหนักเช่นการตักเตือน การปรับ การยึดโดเมนเนมหรือใบอนุญาต แต่ หากยังฝ่าฝืนกฎหมายอีกก็จะถูกดำเนินคดีทางอาญา ”
การควบคุมอินเตอร์เน็ตก็ยังได้รับปฏิบัติในประเทศที่พัฒนา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและหนังสือพิมพ์อย่างเต็มที่ โดยทางการของประเทศเหล่านี้ได้กำหนดมาตรการควบคุมการเสนอข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งบุคคลและองค์การหลายองค์กรที่ละเมิดข้อกำหนดต่างๆล้วนถูกลงโทษ อาทิเช่น ตำรวจอิตาลีได้จับกุมนาย โรเบอร์โต มานซีนีอายุ ๕๙ ปี ซึ่งเป็นบล็อคเกอร์ที่ได้โพสต์ข่าวบิดเบือนความจริงและใส่ร้ายผู้อื่น รวมทั้งถูกปรับ ๑ หมื่น ๖ พัน ๙ ร้อยดอลล่าสหรัฐ ส่วนที่ฝรั่งเศส ตำรวจได้จับกุมนายคริสโตเฟอร์ เกราเบิดร์ตฐานโพสต์ข้อมูลข่าวสารติติงผู้ว่าฯนครปูโต ที่มีลักษณะใส่ร้ายและปั้นแต่ง ศาลอียิปต์ได้พิพากษาตัดสินจำคุก ๓ ปีต่อนายซูเลมาน อายุ ๒๒ ปีฐานลบหลู่ศาสนาอิสลามและโพสต์บทความหมิ่นประมาทประธานาธิบดี ส่วนที่สหรัฐอเมริการการดำเนินคดีบล็อคเกอร์โพสต์บทความบิดเบือนความจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก ที่รัสเซีย เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคมที่ผ่านมา นายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีได้เซ็นอนุมัติกฎหมายอินเตอร์เน็ตฉบับแก้ไข โดยห้ามเว็บไซต์ทำการเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นภัยอันตราย ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูตินก็ได้เซ็นอนุมัติกฎหมายป้องกันการใส่ร้าย โดยผู้ที่มีพฤติกรรมใส่ร้ายไม่ว่าจะในรูปแบบใดรวมทั้งทางอินเตอร์เน็ตจะต้องถูกลงโทษจากเบาไปหาหนักรวมทั้งการปรับเงิน ๕ ล้านรูเบิ้ล อาจกล่าวได้ว่า แต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมข่าวสารข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่แตกต่างกันไปโดยอาศัยระบบการเมืองและเงื่อนไขทางสังคมของตนเองเป็นหลัก แต่ล้วนยึดหลักการคือ ไม่ยอมรับข่าวสารข้อมูลที่บิดเบือนความจริง มีการลบหลู่ละเมิดสิทธิและผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบุคคล องค์การและคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ด้วยเหตุนี้ การที่รัฐเวียดนามได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมข่าวทางอินเตอร์เน็ต การจัดการต่อบุคคลหรือองค์การที่ละเมิดข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วไปและกฎหมายสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนรวมทั้งอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิพลเรือนและการเมือง ./.