นายเหงียนซวนเกื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวปราศรัยในการประชุม (Photo VNplus) |
สถานการณ์พัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมใน 6 เดือนที่เหลือของปี 2017 ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ราคาจำหน่ายสินค้าการเกษตร สัตว์เลี้ยงและสัตว์ปีกลดลงเป็นอย่างมาก จนอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกร อัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการก่อสร้างต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวของการขุดเจาะเหมืองแร่ได้ลดลงเป็นอย่างมาก ส่วนการผลิตและประกอบธุรกิจถึงแม้จะพัฒนาแต่ยังคงประสบความยากลำบากเป็นอย่างมาก การเบิกจ่ายเงินทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานยังล่าช้า โดยในช่วงครึ่งปีแรกสามารถเบิกจ่ายเงินได้ร้อยละ 30 ของแผนที่วางไว้
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกต่างๆจากหน่วยงานหลักๆที่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มีความสะดวกโดยดัชนีการเปลี่ยนแปลงใหม่และความคิดสร้างสรรค์ที่ได้ประกาศในเดือนมิถุนายนของเวียดนามได้เลื่อนขึ้น 12 อันดับในการจัดลำดับขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือ WIPO
การเกษตรคือหน่วยงานหลัก
ปี 2017 รัฐบาลได้มอบหมายหน้าที่ให้ภาคการเกษตรในเขตชนบทต้องบรรลุเป้าหมายในระดับสูง 3 เป้าหมาย ซึ่งอัตราการขยายตัวของจีดีพีต้องบรรลุร้อยละ 3 ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 มาจนถึงปัจจุบันและการส่งออกสินค้าการเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำต้องบรรลุ 3 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถึงขณะนี้ อัตราการขยายตัวของหน่วยงานและสินค้าหลักได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในขั้นพื้นฐาน โดยการเก็บเกี่ยวได้ผลดีและสามารถรักษาระดับราคาที่น่าพอใจสำหรับเกษตรกร ส่วนต้นไม้อุตสาหกรรมก็มีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นและคาดว่า สัตว์น้ำจะมีอัตราการขยายตัวมากที่สุดในจำนวนสินค้าที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยใน 6 เดือนแรกของปีสามารถบรรลุร้อยละ 2.65 ซึ่งถือเป็นผลงานที่น่ายินดี
ใน 6 เดือนที่เหลือของปี 2017 หน่วยงานการเกษตรต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ รวมทั้งปัจจัยจากตลาด โดยเฉพาะตลาดส่งออกปลาสวายและกุ้งในสหรัฐ นายเหงียนซวนเกื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเผยว่า เป้าหมายคือต้องแก้ไขอุปสรรคต่างๆและอำนวยความสะดวกให้แก่การบริโภคสินค้าเกษตร “เน้นผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างของสินค้าที่มีความได้เปรียบ เช่น สัตว์น้ำ ผลไม้ ต้นไม้อุตสาหกรรมและป่าไม้ เน้นการผลิตตามห่วงโซ่ ทางกระทรวงได้ประสานงานกับกระทรวงวางแผนและการลงทุนปรับปรุงมติ 210 ให้มีความสมบูรณ์และส่งเสริมให้สถานประกอบการเข้ามาลงทุนในด้านเกษตรและชนบทเพื่อสร้างความเชื่อมโยงในการผลิตกับเกษตรกรและผลักดันการแปรรูป”
ควบคู่กันนั้น ทางกระทรวงจะเจรจาต่อไปเพื่อบรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การส่งออกสินค้าการเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำ เช่น ข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกกุ้งสดไปยังออสเตรเลีย พันธุ์ไข่สัตว์ปีกไปยังเมียนมาร์ เนื้อหมู ผลิตภัณฑ์นมและปลาหมอไปยังประเทศจีน
เน้นถึงการเปิดตลาดส่งออก
แม้ยอมรับว่า ตั้งแต่ปัจจุบันถึงปลายปีนี้การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศจะมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านเทคนิคและมาตรฐานแต่นายเจิ่นต๊วนแอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ยังเผยว่า จำเป็นต้องผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างในหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการผลิตและแปรรูปแต่ยังคงต้องค้ำประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้นก็ต้องพยายามเปิดตลาดส่งออก โดยอาศัยข้อตกลงการค้าเสรีที่ได้ลงนาม “ในการเยือนรัสเซียเมื่อเร็วๆนี้ ฝ่ายรัสเซียได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายจัดทำระเบียบการเพื่อรับรองผลการตรวจสอบพืชและสัตว์ระหว่างกันหรือเปิดตลาดให้แก่สินค้าของรัสเซียเพื่อแลกกับการส่งออกสัตว์น้ำไปยังตลาดรัสเซีย ส่วนการส่งออกข้าวไปยังตลาดจีนก็เผชิญข้อจำกัดเกี่ยวกับใบอนุญาตและระเบียบการ ซึ่งจำเป็นต้องมีการประสานงานระหว่างกระทรวงและหน่วยงานเพื่อผลักดันการมอบใบอนุญาตการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูปของเวียดนามไปยังตลาดนี้”
สำหรับการตรวจสอบการนำเข้า ในเร็วๆนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากกำแพงทางราชการเป็นกำแพงทางเทคนิค กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้ส่งเสริมให้กระทรวงอื่นๆจัดทำกำแพงทางเทคนิคด้านสินค้าเกษตร สัตว์น้ำและอาหารแปรรูปเพื่อปกป้องตลาดตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ตั้งใจรักษาอัตราการขยายตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติร้อยละ 30
6 เดือนแรกของปี 2017 เป็นช่วงที่หน่วยงานการท่องเที่ยวมีอัตราการขยายตัวมากที่สุด โดยจังหวัดที่มีความได้เปรียบในด้านการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้บรรลุผลงานที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันนี้ เวียดนามมีผู้ประกอบธุรกิจด้านที่พักประมาณ 25,000 แห่ง เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน แต่ความสามารถในการแข่งขันยังอยู่ในระดับต่ำและเครื่องหมายการค้าการท่องเที่ยวแห่งชาติยังไม่ทัดเทียมกับศักยภาพที่มีอยู่ นายเหงียนหงอกเถียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวได้ยอมรับว่า ยากที่จะบรรลุเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวร้อยละ 30 หรือ 12.5-13 ล้านคน “เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ หน่วยงานการท่องเที่ยวต้องผลักดันการส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้ความสนใจถึงตลาดหลักๆ เช่น จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย สหรัฐและบรรดาประเทศยุโรป ทั้งหน่วยงานฯต้องปฏิบัติระเบียบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวอย่างชาญฉลาด สร้างสรรค์บรรยากาศการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรและปลอดภัย เน้นการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวระหว่างเขตและท้องถิ่น”
ใน 6 เดือนที่เหลือของปี 2017 แม้เวียดนามต้องเผชิญกับความยากลำบากต่างๆในการพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมแต่การที่กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นร่วมมือและตั้งใจเพื่อพยายามปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงใหม่จะสร้างก้าวกระโดดใหม่ให้สามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวที่ได้วางไว้ในปี 2017.