ฉากในภาพยนตร์เรื่อง “Địa đạo: Mặt trời trong bóng tối"

ภาพยนตร์เรื่อง “Địa đạo: Mặt trời trong bóng tối” หรือ “Tunnel: Sun in the Dark” ของผู้กำกับบุ่ยถากเจวียน ซึ่งถึงแม้เพิ่งฉายในโรงภาพยนตร์แต่ก็มีรายรับติดอันดับหนึ่งด้วยจำนวนรอบฉายหลายพันรอบต่อวันในตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ช่วยให้ผู้ชม โดยเฉพาะวัยรุ่นรับทราบเกี่ยวกับชีวิตและการต่อสู้ที่ดุเดือดของบรรพบุรุษในช่วงสงคราม หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้ นักแสดงหญิง ทูกวิ่งกล่าว ด้วยความซาบซึ้งใจว่า

“นี่เป็นภาพยนตร์ที่น่าดูมาก หลังจาก 120 นาทีที่ดูจบแล้ว ก็รู้สึกประทับใจมาก เราไม่เคยเห็นถึงความอึดอัดในอุโมงค์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยให้ฉันเห็นความกล้าหาญเหมือนที่เรากำลังอยู่ในอุโมงค์นั้นจริง ๆ นี่คือความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความสมจริงผ่านการถ่ายทำและอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น หากยังช่วยส่งเสริมความรักชาติของชาวเวียดนามทุกคนอีกด้วย”

ภาพยนตร์ “Địa đạo: Mặt trời trong bóng tối” เล่าเรื่องชีวิตการต่อสู้ของกลุ่มนักรบกองโจรในพื้นที่กู๋จีหลังการกวาดล้างของศัตรูเมื่อปี 1967 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการลงทุนในด้านโปรดักชั่นอย่างพิถีพิถันทั้งในเรื่องบท สถานที่ถ่ายทำ การจัดแสง และเสียงประกอบ ซึ่งทำให้ภาพยนตร์มีความสมจริงในการถ่ายทอดบรรยากาศของอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยควันปืนและความดุเดือดของสงคราม ผู้กำกับ บุ่ยถากเจวียน กล่าวว่า

“ผมเคยสัมภาษณ์อดีตนักรบกองโจรที่เคลื่อนไหวในอุโมงค์กู๋จี ซึ่งรู้สึกประทับใจมาก จากนั้น ผมก็ตระหนักเกี่ยวกับการต่อสู้ที่พิเศษมาก ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือการต่อสู้เป็นเวลานับสิบปีระหว่างเกษตรกรธรรมดากับฝ่ายศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงแม้เราเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ฝ่ายศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าก็ไม่สามารถเอาชนะเราได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ นำเสนอเรื่องที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์ ผมใช้เวลา 2 ปีในการเขียนบทภาพยนตร์ แต่เรื่องที่ผมเล่าในภาพยนตร์เรื่องนี้แค่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่อดีตนักรบกองโจรเล่าให้ผมฟัง”

ผู้กำกับ บุ่ยถากเจวียน

ก่อนหน้านั้น เมื่อปี 2024 ภาพยนตร์เรื่อง “Đào, Phở và Piano” หรือ Peach Blossom, Pho and Piano ของผู้กำกับ ฟีเตี๊ยนเซิน ก็กลายเป็นปรากฎการณ์ในวงภาพยนตร์เวียดนาม ถึงแม้เป็นภาพยนต์ที่ผลิตโดยการว่าจ้างของภาครัฐ ซึ่ไม่ได้มีเป้าหมายในเชิงพาณิชย์ จึงไม่มีงบประมาณสำหรับการประชาสัมพันธ์ แต่ก็ได้รับความสนใจจากแฟนภาพยนตร์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

 ภาพยนตร์เรื่อง Peach Blossom, Pho and Piano ได้นำเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับความกล้าหาญควบคู่ไปกับความโรแมนติกของชาวฮานอยในการต่อสู้เป็นเวลา 60 วันคืนในระหว่างวันที่ 19 ธันวาคมปี 1946 จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ปี 1947 โดยได้รับการลงทุนอย่างรอบคอบ ซึ่งได้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมเป็นอย่างมาก

ความสำเร็จของภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามเช่นภาพยนตร์สองภาพยนตร์นี้ได้สร้างความสดใหม่ให้แก่ภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์และสงครามการปฏิวัติ โดยความสนใจของผู้ชมที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขารับทราบถึงประวัติศาสตร์และหัวข้อนี้ยังคงดึงดูดใจสาธารณะชนได้ ผู้กำกับ ด่าวแทงฮึง กล่าวว่า

“ที่สำคัญที่สุดคือ ภาพยนตร์แนวนี้สามารถขยายผลและดึงดูดความสนใจของสาธารณะชน ช่วยให้เราต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับรสนิยมของผู้ชมและกระแสความนิยมจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งทำให้ผู้ชมหลั่งไหลเข้ามาชมในโรงภาพยนตร์ ช่วยให้ผู้ผลิตภาพยนตร์แนวสงครามปฏิวัติหันมาตระหนักว่า ภาพยนตร์แนวนี้ก็สามารถทำรายสูงเหมือนภาพยนต์แนวอื่นๆได้ หวังว่า ภาพยนตร์แนวนี้จะได้รับความนิยมต่อไปและเปิดทางให้แก่การผลิตภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามใหม่ๆ”

ฉากในภาพยนตร์เรื่อง “Đào, Phở và Piano”

ในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์เวียดนาม เคยมีภาพยนตร์แนวสงครามการปฏิวัติ เช่น “Chung một dòng sông” หรือ On the same river “Vĩ tuyến 17 ngày và đêm” หรือ 17th Parallel, Nights and Days และ “Em bé Hà Nội” หรือ Girl from Hanoi ได้กลายเป็นผลงานที่อยู่ในหัวใจของผู้ชมเวียดนามตลอดกาล และเมื่อเร็วๆ นี้ ภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ ในแนวนี้ เช่น “Đừng đốt” หรือ Don't Burn “Mùi cỏ cháy” หรือ The Scent of Burning Grass ก็ได้รับคำชื่นชมจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ซึ่งความสำเร็จของภาพยนตร์เหล่านี้ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า มีศักยภาพสูงในการผลิตภาพยนตร์แนวนี้เพื่อแข่งขันในตลาดภาพยนตร์.