(VOVworld)- นักประพันธ์ดนตรี Hoàng Hiệp ผู้ล่วงลับเป็นหนึ่งในนักดนตรีแนวปฏิวัติที่มีชื่อเสียงของเวียดนามพร้อมผลงานการประพันธ์ที่โดดเด่นและยังตราตรึงอยู่ในใจของผู้ฟังทุกวัย โดยเพลงต่างๆเช่น Nhớ về Hà Nội หรือ ฮานอยแห่งความคนึงหา Lá Đỏ หรือบทเพลงแห่งนักรบปฏิวัติ หรือเพลง Dòng sông tuổi thơ แปลว่า สายน้ำแห่งความเยาว์วัย เป็นต้น ต่างสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกเกี่ยวกับประเทศและพลังแห่งการปฏิวัติ
|
นักประพันธ์ดนตรี Hoàng Hiệp (1931-2013)
|
มรดกที่นักดนตรีหว่างเหียบได้สร้างสรรค์ไว้ในตลอดกว่า60ปีทำงานในวงการดนตรีเวียดนามมีความยิ่งใหญ่มากโดยมีผลงานเพลงหลายร้อยเพลง ทั้งเพลงร่วมสมัย เพลงแบบพื้นเมืองหรือเพลงชั้นสูง และบทเพลงจำนวนมากได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการปฏิวัติในประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งของประเทศและที่สำคัญที่สุดคือยังตราตรึงในหัวใจของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างเช่นเพลง Câu hò bên bến Hiền Lương หรือแปลว่า “เสียงเพลงที่ท่าน้ำHiền Lương” ประพันธ์เมื่อปี 1956 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการปฏิบัติข้อตกลงเจนีวาเกี่ยวกับสันติภาพในอินโดจีนและเวียดนามถูกแบ่งเป็นสองภาคเหนือใต้ ซึ่งลีลาเพลงที่เร้าใจได้สื่อถึงความสูญเสียและความเศร้าโศกของครอบครัวที่ต้องพลัดพลากจากกันอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำBenHai ในสงคราม
นักดนตรีหว่างเหียบชื่อจริงว่า ลิวเจิ่นเหงียบ(Lưu Trần Nghiệp) เกิดปี1931ที่ต.หมีเหียบ อ.เจอะเม้ย จ.อานยาง เริ่มแต่งเพลงตั้งแต่อายุ17ปีแต่วงการดนตรีและผู้ฟังเริ่มรู้จักเพลงของเขาตั้งแต่ปี1957 โดยจนถึงปัจจุบันในผลงานเพลงปฏิวัติกว่า400ชิ้นที่สร้างชื่อเสียงให้แก่เขานั้น มีกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเพลงที่ประพันธ์ตั้งแต่ช่วงเริ่มสงครามกู้ชาติจนถึงวันปลดปล่อยภาคใต้และถือเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมและรู้จักอย่างแพร่หลายในเวียดนาม เช่นเพลง Trường Sơn đông-Trường Sơn tâyหรือ ภูหลวงเจื่องเซิน Lá Đỏหรือบทเพลงแห่งนักรบปฏิวัติและเพลงCô gái vót chông หรือสาวน้อยเหลาไม้แหลมๆสำหรับทำกับดัก เป็นต้น นักดนตรีฝามหงอกโทย รองนายกสมาคมนักดนตรีเวียดนามเผยว่า ประเทศและประชาชาติคือหัวข้อที่สะท้อนในเพลงทุกบทของนักดนตรีหว่างเหียบ คลังผลงานการสร้างสรรค์ของนักดนตรีหว่างเหียบได้แฝงไว้ซึ่งประสบการณ์ชีวิตที่ทรงคุณค่าและความเข้าใจเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่ลุ่มลึกพร้อมทั้งมีความหลากหลายด้านภาษา ซึ่งถือเป็นบุคคคลที่มากด้วยความรู้ความสามารถด้านภาษาและดนตรีของเวียดนาม
ในบทเพลงปฏิวัติที่นักดนตรีหว่างเหียบได้ประพันธุ์นั้นนอกจากสะท้อนความรักชาติรักมาตุภูมิอย่างเปี่ยมล้นแล้วก็ยังสื่อถึงความรักของหนุ่มสาวในยามสงคราม เช่นเพลง ฉันยังคอยเธออยู่ตลอดกาล จุดนัดพบของเรา ฤดูนกนางแอ่นแม่น้ำ เป็นต้น ซึ่งท่ามกลางความดุเดือดของสงคราม ชีวิตนั้นยังเปี่ยมไปด้วยความหวังเมื่อได้เติมแต่งด้วยความรัก ส่วนสำหรับเพลง ฮานอยแห่งความคนึงหา นั้นเป็นหนึ่งในบทเพลงที่มีชื่อเสียงที่สุดในกระแสเพลงสมัยใหม่ช่วงปลายศตวรรษที่20ที่บรรยายเกี่ยวกับความรักฮานอยของชาวฮานอยคนหนึ่งที่สร้างความทราบซึ้งตรึงใจให้แก่ผู้ฟังทุกรุ่นด้วยลีลาและทำนองคำร้องที่ไพเราะ คิดถึงถนนอันร่มรื่น เสียงจักจั่นที่ก้องกังวานยามเหมันต์ ผู้คนเตรียมฉลองปีใหม่กันอย่างสนุกสนานตามท้องถิ่นต่างๆซึ่งเป็นเสี้ยวนาทีแห่งความศักดิ์สิทธิ์เมื่อได้รับฟังลุงโฮอ่านบทกลอนอวยพรปีใหม่ ซึ่งนักร้องเติ๊นมิง หนึ่งในผู้ที่มีโอกาสร้องเพลงของนักดนตรีหว่างเหียบได้เล่าว่า เพลง ฮานอยแห่งความคนึงหาเป็นหนึ่งในบทเพลงที่ไพเราะที่สุดที่เขียนเกี่ยวกับฮานอยและได้มีพลังที่ลึกซึ้งในใจของชาวนครหลวง นอกจากนี้ยังมีหลายเพลงที่ผูกพันและสร้างชื่อเสียงให้แก่ท่าน ซึ่งนับเป็นมรดกด้านดนตรีที่ล้ำค่าในชีวิตที่ใช่ว่าทุกคนจะสร้างได้
นักดนตรีหว่างเหียบยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการแต่งเพลงจากทำนองบทกวีต่างๆโดยเนื้อร้องและลีลาที่ไพเราะของบทเพลงเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนและความเข้าใจในความหมายของกวีอย่างลึกซึ้งจนสามารถสร้างเป็นผลงานที่สามารถกินใจผู้ฟังทุกสมัย จากผลงานการสร้างสรรค์อันมากมาย ปี2000นักดนตรีหว่างเหียบได้รับรางวัลโฮจิมินห์สาขาวรรณศิลป์และแม้เจ้าของมรดกแห่งดนตรีอันล้ำค่านี้ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับแต่บทเพลงต่างๆนั้นยังคงตราตรึงในความทรงจำของผู้ฟังไปตลอดกาล./.