( VOVworld )- ชีวิตและอัจฉริยภาพทางทหารของพลเอกหวอเงวียนย้าป จอมทัพแห่งกองทัพประชาชนเวียดนามได้ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในสิบนักการทหารที่โลกยกย่อง แม้ว่า พี่ใหญ่แห่งกองทัพประชาชนเวียดนามท่านนี้ได้จากพวกเราไปสิริอายุได้ ๑๐๓ ปีแต่ภาพลัษณ์ของท่านยังคงตราตรึงในหัวใจของชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศตลอดกาล
|
นายพลหวอเงวียนย้าปพี่ใหญ่แห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม ( Tran Hong )
|
นายพลหวอเงวียนย้าปมีอัจฉริยภาพทางการทหารที่ลื่อชื่อทั่วโลกนั้นไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการทหารโดยตรง แต่เรียนวิชาประวัติศาสตร์และเป็นครูสอนวิชานี้ต่างหาก ท่านมีความสามารถในการจูงใจและปลุกขวัญให้กำลังใจทหารให้เกิดความฮึกเหิมพร้อมที่จะสละและต่อสู้เพื่อมาตุภูมิ นายแสตนลีย์ คาร์โนว์ นักข่าวและนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันที่ปรากฎตัว ณ เวียดนามตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๕๙ ได้เขียนหนังสือเรื่อง “ Vietnam : A History ” หรือ “ เวียดนาม-เรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ ”ที่ออกสู่สายตาผู้อ่านเมื่อปีค.ศ.๑๙๘๓เห็นว่า อัจฉริยภาพทางทหารของพลเอกหวอเงวียนย้าปไม่แตกต่างจากอัจฉริยภาพของแม่ทัพในสงครามที่โลกยกย่องอีกหลายๆคนเช่น เวลลิงตั้น ยูลีสเซส เอส.แกรนท์หรือดูกลาส มาคอาร์เธอร์ แต่มีความแตกต่างอยู่ตรงที่ นี่เป็นอัจฉริยภาพในตัวของท่านเองหากไม่ใช่ได้รับการเรียนเกี่ยวกับการทหารโดยตรง
นายดาเนียล รุสเซล นักข่าวและนักถ่ายทำภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศสที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “ เดียนเบียนฟูคือสงครามระหว่างเสือกับช้าง ” และมีโอกาสได้พบกับนายพลหวอเงวียนย้าปกว่า ๑๐ ครั้งได้กล่าวถึงขีดความสามารถทางทหารของท่านหวอเงวียนย้าปว่า “ ผมได้พบและรู้จักกับท่านก่อนหน้านี้ ๓๕ ปี ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้อยู่ในการเคลื่อนไหวของท่านไม่ว่าจะในตำแหน่งแม่ทัพกองทัพประชาชนเวียดนาม ในฐานะนักการเมืองหรือเป็นคนธรรมดา ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่าท่านชอบอะไร รักใครรักอะไร ผมเรียกท่านด้วยคำที่เป็นกันเองว่า นายพลของผมหรือคุณอา และผมคิดอยู่ในใจเสมอว่า ผมเป็นคนโชคดีที่ได้เขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่มีคนคนหนึ่งที่สร้างประวัติศาสตร์ ”
|
นายพลหวอเงวียนย้าปกลับมาเยือนเดียนเบียน
|
ชัยชนะสำคัญที่ส่งผลให้ชื่อของนายพลหวอเงวียนย้าปถูกบันทึกเป็นหนึ่งในนักการทหารที่สำคัญของโลกในศตวรรษที่ ๒๐นั้น มาจากการยุทธ์ที่เดียนเบียนฟู ซึ่งที่ต้องเอ่ยถึงมากคือ การตัดสินใจอย่างยากลำบากของผู้บัญชาการทหารสูงสุดหวอเงวียนย้าปเพื่อเปลี่ยนยุทธ์รบเร็วชนะเร็วมาเป็นรบที่ใดชนะทีนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งจากการพูดคุยกับพลเอกหวอเงวียนย้าปหลายครั้งนายดาเนียลได้เข้าใจว่า นี่คือคืนที่ท่านต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ นั่นคือคืนวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๑๙๕๔ ก่อนที่กองทัพทำการโจมตีฐานทัพของกองทัพฝรั่งเศส แต่ท่านได้ตัดสินใจถอนทหารเพื่อเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงอาหารเพิ่มอีก ท่านไม่อยากรบแบบฉาบฉวยเพื่อทำลายฐานทัพของศัตรูภายใน ๑ สัปดาห์แต่ต้องสูญเสียกองกำลังอย่างมหาศาล ท่านได้เลือกยุทธ์การรบที่ต้องใช้เวลาแต่ก็ชนะอย่างแน่นอนและท่านก็ได้ชัยชนะเหนือฝรั่งเศส
นายพลหวอเงวียนย้าปรักทหารผู้ใต้บังคับบัญชา ท่านเคยร้องไห้หลายครั้งต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์ พลโทเจิ่นวันจ่าผู้ล่วงลับเคยเขียนว่า พลเอกหวอเงวียนย้าปไม่อยากให้ทหารต้องเสียเลือดเนื้อมาก ท่านเคยสั่งให้นายพลใต้บังคับบัญชาว่า ผู้บัญชาการที่ถือว่ามีความสามารถคือ ชนะเหนือศัตรูแต่ต้องเสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด ชีวิตของคนมีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใดที่จะนำมาชดเชยความสูญเสียในสงครามได้ ส่วนพลโทหวูซวนวินห์ เจ้ากรมการต่างประเทศแห่งกระทรวงกลาโหมเล่าว่า เขาเคยร่วมการพบปะระหว่างพลเอกหวอเงวียนย้าปกับนายว๊วกก๊าปชาวฝรั่งเศสประธานสหพันธ์ทหารผ่านศึกโลกเมื่อปี ๒๐๐๔ โดยในวันนั้น นายพลหวอเงวียนย้าปได้กล่าวถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในสันติภาพของตนเองแม้สงครามได้ผ่านมาแล้วหลายสิบปีก็ตาม พลโทวินห์กล่าว“ ท่านได้บอกกับนายว๊วกก๊าปว่า ต้องเรียกร้องให้เยาวชนในทั่วโลกสามัคคีกันและรักษาสันติภาพ โดยไม่ใช้กฎหมายเถื่อนหรือถือตนเป็นประเทศใหญ่เพื่อต่อต้านประเทศเล็ก เยาวชนต้องเจอกันที่มหาวิทยาลัยและสนามกีฬาไม่ใช่ที่สนามรบ ดังนั้นท่านว๊วกก๊าปได้เรียกท่านหวอเงวียนย้าปว่า พลเอกแห่งสันติภาพ ”
|
พลเอกหวอเงวียนย้าปพบปะกับพี่น้องชนกลุ่มน้อยในเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ( Tran Hong )
|
จิตใจใฝ่สันติภาพนี่เอง นายพลหวอเงวียนย้าปได้ตั้งชื่อบุตรสาวคนที่สองว่า หวอหว่าบิ่นห์หรือสันติภาพ คุณหวอหว่าบิ่นห์ได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของคุณพ่อในบ้านเลขที่ ๓๐ ถนนหว่างเหยี่ยว กรุงฮานอย คุณหวอหว่าบินห์คุยกับพวกเราว่า “ ดิฉันมีโอกาสติดตามคุณพ่อไปเยือนสมรภูมิเก่าเดียนเบียนฟูในโอกาสที่มีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปี ๑๙๙๔และ๒๐๐๔ เมื่อได้กลับมาสมรภูมิเก่า คุณพ่อมักจะหวนคิดถึงอนุสรณ์ในอดีตจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ส่วนเมื่อกลับเยี่ยมบ้านเกิด ท่านมักจะไปเคารพและจุดธูปที่สุสานของคุณปู่และคุณย่าพร้อมกับร้องไห้ คุณปู่และคุณย่าเสียชีวิตในขณะที่คุณพ่อไม่อยู่ ”
ความเมตตาอารีของท่านนั้นมาจากประเพณีวัฒนธรรมพื้นเมืองและเกียรติประวัติของครอบครัว ท่านเป็นคู่บารมีประธานโฮจิมินห์ โดยได้ตั้งชื่อให้ว่า วันซึ่งหมายถึงฝ่ายบุ๋น แต่งานที่ได้รับมอบหมายนั้นเป็นของฝ่ายบู๊ ต่อมามีทหารผ่านศึกคนหนึ่งได้แต่งกลอนคู่มอบให้แก่พลเอกหวอเงวียนย้าปโดยมีความว่า นายพลวันใช้สติปัญญาในการใช้กลศึกจนกลายเป็นฝ่ายบู๊ และบู๊เข้าใจประชาชนจนกลายเป็นวัน
เมื่อยังมีชีวิตอยู่และกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด พลเอกหวอเงวียนย้าปมักจะทานอาหารธรรมดาๆเช่น ผักบุ้งต้ม มะเขือดองและฟังเพลงพื้นเมืองเกี่ยวกับการตำข้าวของถิ่นเกิดเหล่ถุย จังหวัดกว่างบินห์ และครั้งนี้พลเอกหวอเงวียนย้าปพี่ใหญ่แห่งกองทัพประชาชนเวียดนามและหนึ่งในนักการทหารที่โลกยกย่องได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของแผ่นดินแม่และในใจของชาวกว่างบิ่นห์ ./.
|
ชีวิตที่สมถะของท่านกับภริยา ( Tran Hong )
|
|
แม้อายุย่างเข้าวัย ๑๐๐ แต่ท่านยังเล่นเปียนโน ( Tran Hong )
|
|
นั่งสมาธิเพื่อจิตใจสงบ ( Tran Hong ) |