 ชายหาดหวุงเต่า (Duy Khương/TTXVN) |
จากช่วงเริ่มก่อตั้งที่เต็มไปด้วยอุปสรรคความท้าทาย แต่ด้วยการบริหารชี้นำผ่านนโยบายที่เหมาะสม มีการตัดสินใจที่ถูกจังหวะ พลังความสร้างสรรค์ จิตใจแห่งนวัตกรรมและความสามัคคีของทางการและประชาชน ใน30 ปีที่ผ่านมา จังหวัด บ่าเหรียะ-หวุงเต่า ได้พัฒนาในทุกด้าน สามารถสร้างผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของขนาดเศรษฐกิจ มีบทบาทสถานะสำคัญในเขตเศรษฐกิจหลักทางภาคใต้
จากการที่ทางจังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่าได้กำหนดให้อุตสาหกรรมเป็นเศรษฐกิจหลักที่สัดส่วนคิดเป็นมากกว่าร้อยละ58ของโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัด มีการพัฒนาในเชิงลึกและมีการคัดกรอง ทำให้ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาหน่วยงานอุตสาหกรรมได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูง สามารถธำรงบทบาทของหน่วยงานขับเคลื่อนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ นำจังหวัดพัฒนาเป็นท้องถิ่นต้นแบบสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ภายหลังดำเนินแผนการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอกว่า 30ปี มาจนถึงปัจจุบัน จังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่ามีโครงการเอฟดีไอที่กำลังดำเนินงาน 429 โครงการ โดยมีทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 29.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่มีขนาดและอัตราการลงทุนสูง ใช้แรงงานน้อย และเน้นไปในด้านการท่องเที่ยว ท่าเรือ และการผลิตอุตสาหกรรมคุณภาพสูงเป็นหลัก ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2021 จังหวัดได้ดึงดูดโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใหม่ 17 โครงการด้วยทุนจดทะเบียนรวม 216.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการส่งเสริมการดึงดูดการลงทุนที่เน้นไปในโครงการขนาดใหญ่ที่พัฒนาแบบไฮเทค จนถึงขณะนี้มีกลุ่มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งเช่น Kyoei, Nippon, Sumitomo, Itochu, Mitsubishi, SCG, Hyosung เป็นต้น ได้เข้ามาตั้งโครงการที่นี่ นาย เหงวียนต๊วนมิงห์ อดีตเลขาธิการพรรคสาขาจังหวัด หบ่าเหรียะ-หวูงเต่า เผยว่า “การทำงานร่วมกัน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความมุ่งมั่นตั้งใจอันแน่วแน่ของระบบการเมืองและความเห็นพ้องต้องกันของประชาชนถือเป็นปัจจัยชี้ขาดของความสำเร็จ ของการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการพัฒนาที่แข็งแกร่งของจังหวัด บ่าเหรียะ-หวุงเต่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา”
 นิคมอุตสาหกรรม Đất Đỏ I ในหวุงเต่า |
นอกจากนั้น แนวทางการสร้างความรุ่งเรืองจากการพัฒนาท่าเรือและบริการในพื้นที่แนวหลังท่าเรือที่ในอนาคตจะสามารถทดแทนผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซก็กำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยปัจจุบัน ในจังหวัดมีท่าเรือ 47 แห่งที่กำลังดำเนินการรวมกำลังการขนถ่ายสินค้าประมาณ 137.4 ล้านตันต่อปี เพื่อให้มีเศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างยั่งยืน ทางจังหวัดได้เน้นผลักดันสี่เสาหลักทางเศรษฐกิจคือ อุตสาหกรรม, ท่าเรือ การท่องเที่ยวและการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยการท่องเที่ยวได้กลายเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่พัฒนาตามแนวทางที่ยั่งยืนและมีคุณภาพสูงและส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย
ในปี 2020 GRDP ต่อหัวประชากรของบ่าเหรียะ-หวุงเต่าอยู่ที่ 11,375 USDต่อคน สูงกว่าถึง 12 เท่าเมื่อเทียบกับตัวเลขGRDP ที่ 968 USDต่อคนเมื่อปี 1992 จากปี 2000 จนถึงปัจจุบัน ทางจังหวัดได้ครองตำแหน่งท้องถิ่นที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคและจังหวัด(GRDP) ต่อหัวประชากรสูงสุดของประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น จังหวัด บ่าเหรียะ-หวุงเต่า ยังประสบความสำเร็จในการลดความยากจน เมื่อต้นปี 2001 บ่าเหรียะ-หวุงเต่า มีครอบครัวที่ยากจนมากกว่า 15,000 ครัวเรือน คิดเป็นเกือบ 9% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด แต่ถึงปลายปี 2020 จำนวนครอบครัวยากจนและใกล้ยากจนที่เหลืออยู่ที่กว่า 2,000 ครัวเรือน ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดยังได้ส่งเสริมการปรับปรุงยกระดับคุณภาพการตรวจรักษาโรคของเครือข่ายสถานีอนามัยต่างๆ นาย เหงวียนห่งหลิง อดีตเลขาธิการพรรคประจำจังหวัดฯกล่าวย้ำว่า “นอกจากการพัฒนาเศรษฐกิจแล้ว จังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่า ยังคงพัฒนา 12 เงื่อนไขสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนต่อไป โดยคุณภาพชีวิตนั้นมิใช่เป็นเพียงรายได้ต่อหัวประชากรหรือรายได้ของครัวเรือนยากจน เท่านั้น หากต้องให้การบริการที่ดีที่สุดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น”
ความสำเร็จในเวลาที่ผ่านมาได้สร้างสถานะและพลังใหม่ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้จังหวัดในการพัฒนาต่อไป ด้วยจังหวะการเติบโตที่มีอยู่และจุดแข็งในท้องถิ่น มั่นใจว่าจังหวัด บ่าเหรียะ-หวุงเต่าจะมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในเร็วๆ นี้./.