นาย เหงวียนวันควง |
นาย เหงวียนวันควง มีรูปร่างเล็ก หน้าตาเคร่งขรึมและน้ำเสียงยังฟังชัดเจนมีพลัง ทำให้คนที่ได้คุยกับเขานั้น ยากที่จะเชื่อว่า เขามีอายุ 98 ปีแล้ว แววตาที่แสดงออกมายังสะท้อนบุคลิกภาพแห่งการเป็นทหารลุงโฮ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้เล่าให้เราฟังถึงความทรงจำในช่วงที่เคลื่อนไหวปฏิวัติในเมืองซำเหนือว่า“เมื่อปี 1944 มีชาวเวียดนามโพ้นทะเลในเมืองซำเหนือ4 ร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่ไปหาลู่ทางทำงานไปเป็นแรงงาน โดยเฉพาะไปทำงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ครูเหงวียนฮิวแหงและนายแพทย์บุ่ยหงอกเตะเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งสมาคมมิตรภาพชาวเวียดนามโพ้นทะเลในเมืองซำเหนือ”
ภายใต้แอกปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศส พี่น้องประชาชนลาวและชาวเวียดนามโพ้นทะเลในเมืองซำเหนือไม่มีสิทธิเสรีภาพและประสบกับความยากลำบากมากมาย เมื่อเดือนมีนาคมปี 1945 ญี่ปุ่นได้โค่นล้มทางการฝรั่งเศสในอินโดจีนทำให้ทางการฝรั่งเศสมีแผนทำลายโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โรงพยาบาล โรงเรียนและสำนักงานต่างๆในเมืองซำเหนือเพื่อขัดขวางกองทัพญี่ปุ่น จากการตระหนักถึงเหตุการณ์ที่สำคัญนี้ สมาคมมิตรภาพชาวเวียดนามโพ้นทะเลในซำเหนือได้ประสานงานกับทางการลาวเพื่อรณรงค์และระดมเยาวชนที่มีจิตใจรักชาติจัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองและหาทางติดต่อกับกองทัพเหวียดมิง ตอนนั้น เนื่องจากรู้ภาษาลาวและมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ นาย เหงวียนวันควงเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคม 25 คนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับองค์การเหวียดมิงให้แก่ชาวเวียดนามโพ้นทะเลในลาวเพื่อสร้างช่องทางการติดต่อ“ตอนนั้น พวกเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี คิดได้แต่ว่าจะต้องอาศัยประชาชนเพื่อสร้างช่องทางการติดต่อ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1947 พวกเราได้ต้อนรับกองกำลังทหารอาสาหน่วยแรกที่เข้ายึดคืนเขตทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองซำเหนือ ต่อจากนั้นได้ต้อนรับหน่วยทหาร C160ซึ่งปัจจุบันคือกองร้อย 52และกองกำลังพันธมิตรลาว-เวียดนามที่เข้ายึดคืนเมืองเซียงค้อ”
นาย ควงกับเพื่อนสหาย |
เมื่อ1947ปี ได้มีการก่อตั้งกองร้อยเตยเตี๊ยน โดยนาย เหงวียนวันควงและชาวเวียดนามโพ้นทะเลในเมืองซำเหนืออีก 24คนได้เข้าเป็นสมาชิกของกองร้อยฯนี้ บนเจตนารมณ์ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก พร้อมเสียสละและปฏิบัติหน้าที่ต่างๆที่ได้รับมอบหมาย พวกเขาตระหนักได้ดีว่า มีแต่การโน้มน้าวให้พี่น้องประชาชนลาวทำการลุกขึ้นสู้เท่านั้นถึงจะสามารถรบชนะนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสได้ โดยได้ทำการประชาสัมพันธ์สู่พี่น้องประชาชนลาวเพื่อจัดตั้งองค์กรมวลชน กองกำลังทหารบ้านและหน่วยลอบจู่โจมเพื่อมุ่งสู่การสร้างสรรค์ทางการปกครองในท้องถิ่นและจัดตั้งฐานการปฏิวัติในชุมชน ซึ่งในช่วงนั้น สมาชิกกองร้อยฯได้อยู่อาศัย ทำการผลิตและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนลาวในการต่อสู้กับศัตรู รวมทั้งปกป้องฐานที่มั่นและหมู่บ้านต่างๆ แม้การประชาสัมพันธ์ให้แก่ชาวบ้านเป็นสิ่งที่ยากมาก แต่การโน้มน้าวให้ศัตรูมีความเข้าใจที่ถูกต้องกลับยากยิ่งกว่า เพราะอาจถูกศัตรูจับกุมและเผชิญกับปฏิบัติการขัดขวางต่างๆ นาย ควงได้กล่าวถึงความทรงจำในช่วงที่ทำการประชาสัมพันธ์ในเมืองซำเหนือว่า ในเมืองซำเหนือมีแกนนำกลุ่มกบฏหัวรุนแรงชื่อซาดิน ซึ่งกลุ่มนี้ยากที่จะทำการโน้มน้าว สร้างความเข้าใจ ดังนั้น เราจึงหาทางสร้างความแตกแยกภายในกลุ่มเพื่อทำลายกลุ่มนี้
เมื่อปี 1967 นายเหงวียนวันควงได้ย้ายไปทำงานที่คณะปฏิบัติงานภาคตะวันตกในจังหวัดเซินลา ต่อมาเมื่อปี 1968ได้รับหน้าที่ให้ไปปฏิบัติภารกิจในประเทศลาวเพื่อประสานงานกับคณะกรรมการประชาสัมพันธ์พานักเรียนลาว 35คนในเมืองซอนและเซียงค้อมาศึกษาในจังหวัดเซินลาตามความตกลงระหว่างแขวงหัวพันกับจังหวัดเซินลา ซึ่งปัจจุบัน นักเรียนเหล่านี้ได้เติบโตและปฏิบัติหน้าที่สำคัญๆของพรรคและรัฐลาว นาย ควงได้เผยว่า สำหรับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ติดต่อ ประสานงานและรณรงค์โน้มน้าวมวลชนนั้นต้องตระหนักถึงการฝึกจิตใจให้เด็ดเดี่ยวแน่วแน่และความจงรักภักดีต่อพรรคและรัฐ“ต้องอาศัยประชาชนในการปกป้องและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการต่อสู้ โดยเฉพาะต้องทำให้ประชาชนไว้ใจและช่วยเราทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในชัยชนะของกองทัพ ดังนั้น เมื่อไปที่ไหนก็ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน”
ในช่วงที่ทำการเคลื่อนไหวปฏิวัติในประเทศลาว นาย ควงได้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เช่น ปฏิบัติภารกิจภาคสนาม ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหลังเพื่อสนับสนุนการต่อสู้ในแนวหน้า รวมทั้งเป็นผู้ประสานงานของกองกำลังพันธมิตรเวียดนาม–ลาว เข้าร่วมกองกำลังประชาสัมพันธ์ลาวเหนือภายใต้การนำของนาย ไกสอน พมวิหาน ตลอดจนเป็นล่ามในการประชุมระหว่างผู้บริหารแขวงหัวพันและจังหวัดเซินลา ซึ่งสำหรับเขานั้น การปฏิบัติหน้าที่ต่างๆมีจุดเริ่มต้นจากความรักชาติ ชะตาชีวิตของเขาถูกลิขิตไว้เพื่ออุทิศต่อการปฏิวัติและมิตรภาพที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับลาว.