(VOVworld) – ปี๒๐๑๓ถือเป็นนิมิตรหมายแห่งการพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยโดยผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในการเยือนประเทศไทยของท่านเหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อเดือนมิถุนายนปี๒๐๑๓
|
ท่านเหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีไทยตรวจแถวกองเกียรติยศของไทย (VOV ) |
ตั้งแต่ปลายปี๒๐๑๒ เพื่อเตรียมให้แก่การยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ผู้นำรัฐบาลและรัฐสภาทั้งสองประเทศได้มีการพบปะ โดยเฉพาะ ในการประชุม คณะรัฐมนตรีร่วมครั้งที่๒ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี๒๐๑๒เพื่อลงนามเอกสารที่เกี่ยวข้อง เมื่อย่างเข้าปี๒๐๑๓ ทั้งสองฝ่ายได้สานต่อกิจกรรมต่างๆดังกล่าวโดยได้ผลักดันความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะ การทูตประชาชน การจัดตั้งสมาคมมิตรภาพไทย–เวียดนาม และ เวียดนาม–ไทยสาขาจังหวัดและนคร โดยเฉพาะ ในภาคกลางเวียดนามซึ่งช่วยให้การเดินทางไปมาระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนก็มีส่วนร่วมผลักดันความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ท่านอนุสนธิ์ ชินวรรโณ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำเวียดนามกล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่สถานทูตไทยในเวียดนามที่เราได้ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ๕- ๖ปีแล้วก็คือเรื่องของโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างไทยกับเวียดนาม โดยเราจะสลับกันระหว่างการนำเยาวชนไทยมาที่เวียดนามและการนำเยาวชนเวียดนามไปทัศนศึกษาและไปอยู่กับครอบครัวคนไทยที่เมืองไทย ปีนี้ก็เป็นปีที่เยาวชนเวียดนามได้ไปทำกิจกรรมที่เมืองไทย ซึ่งโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนผมก็เห็นว่า รู้สึกที่เป็นประโยชน์ในการที่จะสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนในระยะยาว จริงๆแล้วผมก็อยากจะเห็นโครงการนี้ขยายให้มันสามารถที่จะนำเยาวชนแลกเปลี่ยนกันได้จำนวนมากกว่านี้ อันนี้ก็เหมือนมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณที่สนับสนุนด้านต่างๆแต่ว่าผมถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์แล้วก็เป็นโครงการที่เราจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศไทย ปีนี้ก็มีโครงการลักษณะนี้อยู่บ้าง โดยการนำเยาวชนประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เฉพาะเวียดนามแต่ว่ามีทั้งเยาวชนจากลาว พม่า กัมพูชาและเวียดนามไปทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชนไทย อันนี้เรียกว่าโครงการเพื่อนมิตรลุ่มน้ำโขง ส่วนหนึ่งก็เป็นการไปทัศนศึกษาในประเทศ ส่วนหนึ่งก็ไปอยู่กับครอบครัวคนไทยในประเทศไทย ซึ่งโครงการลักษณะเหล่านี้คิดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องคงจะพัฒนาและก็ทำให้ต่อเนื่องเพื่อจะสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนในระยะยาว ”
ในแถลงการณ์ร่วมของท่านเหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยในการเยือนประเทศไทยของท่านเหงวียนฟู้จ่อง เมื่อเดือนมิถุนายนปี๒๐๑๓ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความร่วมมือในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การขยายการสนทนาทางการเมืองเชิงยุทธศาสตร์ ร่วมกันแก้ไขปัญหาและความท้าทายด้านความมั่นคง รวมทั้งความมั่นคงในรูปแบบใหม่ ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นที่ไม่อนุญาตให้บุคคลและองค์กรใดใช้ดินแดนของตนเพื่อดำเนินกิจกรรมต่อต้านอีกฝ่าย ขยายการเชื่อมโยงในอาเซียน ส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในโครงสร้างภูมิภาคที่มีสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา เกี่ยวกับปัญหานี้ ท่านอนุสนธิ์ ชินวรรโณ กล่าวว่า “ผมคิดว่าโดยทั่วไปในปีที่ผ่านมาในเรื่องหลายๆเรื่องก็มีความคืบหน้า เช่นในเรื่องของการค้าและการลงทุน ตัวเลขการค้า ตัวเลขการลงทุนของทั้งสองฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้น เช่น การค้าในปี๒๐๑๓ เราก็คงจะค้าขาย สองฝ่ายนะครับอย่างน้อยก็ประมาณ ๙พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ๑๐ถึง๑๕เปอร์เซล เพราะฉะนั้นในเรื่องของการค้าก็คงจะ ถ้าหากว่ายังเป็นลักษณะนี้ไป มีแนวโน้มเช่นนี้ไปอีกพักหนึ่งก็คงจะบรรลุเป้าที่ตั้งไว้ว่า อยากจะให้การค้าระหว่างเวียดนามกับไทยถึง๑๕พันล้านในปี๒๐๒๐ การลงทุนส่วนใหญ่คือการลงทุนของไทยในเวียดนาม แต่ว่าตัวเลขการลงทุนร่วมในขณะนี้ของไทยก็อยู่ในระดับที่๔ มูลค่ารวม ๖พัน ๕ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ในปีนี้เอง โดยเฉพาะปี๒๐๑๓ก็มีการลงทุนจากไทยแล้วประมาณ๒ร้อยกว่าล้านดอลลาห์สหรัฐ ”
|
ท่านอนุสนธิ์ ชินวรรโณ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำเวียดนาม(VOV ) |
เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนามในกรอบความร่วมมืออาเซียน ท่านอนุสนธิ์ ชินวรรโณกล่าวว่า“ ในกรอบใหญ่ของอาเซียน ก็มีส่วนหนึ่งที่เราพูดถึงความร่วมมือที่เราสองประเทศจะมีในกรอบของอาเซียน ซึ่งเรื่องสำคัญก็คือ เราจะต้องร่วมมือกันในการที่จะทำให้ประชาคมอาเซียนมันเกิดผลที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งที่เราร่วมมือกันสองฝ่ายในหลายๆเรื่องแล้วก็เป็นการเอื้ออำนวยหรือนำไปสู่ความร่วมมือในกรอบใหญ่อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจหรือว่าความร่วมมือที่เกี่ยวกับด้านสังคมและวัฒนธรรม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการไปมาหาสู่ของประชาชน ความร่วมมือภาคประชาชนต่างๆเหล่านี้มันก็จะเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้วของการรวมตัวกันเป็นประชาคมของอาเซียน เพราะฉะนั้นในเรื่องความร่วมมือในกรอบภูมิภาคหรือในกรอบเวทีระดับโลกเราจะมีการร่วมมือกันในลักษณะของการหารือและการปฏิบัติท่าทีที่สอดคล้องกันในเรื่องต่างๆที่เรามีผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป”
เพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ ในการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อปลายปี๒๐๑๓ ทั้งสองฝ่ายได้อภิปรายถึงแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมและเห็นพ้องกันว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศจะอนุมัติเมื่อถือโอกาสที่เหมาะสมเพื่อให้กระทรวงและหน่วยงานต่างๆของทั้งสองประเทศปฏิบัติตาม ซึ่งจากผลสำเร็จในปี๒๐๑๓ สามมารถเชื่อมั่นได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยจะพัฒนายิ่งขึ้นในปี๒๐๑๔และในปีต่อๆไป./.
Kim Ngân-VOV5