(VOVworld) – เมื่อวันที่ 31 ธันวาคมปี 2015 ประชาคมอาเซียนได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการซึ่งสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ต่างๆในภูมิภาคได้มีส่วนร่วมไม่น้อยต่อการประชาสัมพันธ์และผลักดันกระบวนการจัดตั้งประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะความเชื่อมโยงและประชาสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกของสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนหรือซีเอเจได้ช่วยให้ประชาชนในภูมิภาคกระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้นภายใต้ชายคาอาเซียน ยกตัวอย่างเช่นความร่วมมือระหว่างสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามหรือวีเจเอกับสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยหรือซีทีเจซึ่งถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือของสมาคมนักหนังสือพิมพ์ต่างๆในภูมิภาค
พิธีลงนาม MOU ระหว่างสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามกับสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
|
สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามหรือวีเจเอและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยหรือซีทีเจได้สถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคีเมื่อปี 1993 โดยในตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างวีเจเอและซีทีเจได้พัฒนาอย่างกว้างลึกทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีโดยในด้านพหุภาคี เมื่อเดือนมีนาคมปี 1996 สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนหรือซีเอเจอย่างเป็นทางการโดยในฐานะสมาชิกของซีเอเจ สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามได้มีโอกาสขยายความร่วมมือกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์ของประเทศต่างๆในภูมิภาค รวมทั้งสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ร่วมกับสมาชิกของซีเอเจอนุมัติแถลงการณ์ร่วมสำคัญๆ เช่นแถลงการณ์ร่วมมานิลาและแถลงการณ์ร่วมฮานอย สำหรับแถลงการณ์ร่วมฮานอยที่ประกาศในการประชุมคณะผู้อำนวยการสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนเมื่อเดือนกันยายนปี 2014 สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนาม สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักหนังสือพิมพ์ของประเทศต่างๆในภูมิภาคได้ขานรับการจัดตั้งประชาคมอาเซียนผ่านการผลักดันความสามัคคีและเสถียรภาพ รายงานข่าวอย่างถูกต้อง ผลักดันการฝึกอบรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนแลกเปลี่ยนคณะผู้สื่อข่าวเพื่อร่วมกันพัฒนาภูมิภาค ยกระดับบทบาทของสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนในแต่ละประเทศ ในภูมิภาคอาเซียนและโลก ส่วนในระดับทวิภาคี สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้จัดการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับและร่วมมืออย่างใกล้ชิด นาย ห่ามิงเห่ว อดีตอุปนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและที่ปรึกษาความสัมพันธ์ต่างประเทศของสมาคมฯได้เผยว่า “เนื่องจากเป็นผู้สื่อข่าวจึงเข้าใจกันและเป็นมิตรกันได้โดยง่าย โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวในภูมิภาคอาเซียน สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ดังนั้นกิจกรรจึงดำเนินไปอย่างใกล้ชิดและเป็นแบบแผนมากขึ้น ผู้บริหารของสมาคมฯของทั้งสองประเทศได้พบปะหารือเป็นประจำทุกปีเพื่อผลักดันโครงการร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้น ที่น่ายินดีคือสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้เปิดการสอนภาษาเวียดนามให้แก่ผู้สื่อข่าวไทย 2 ครั้งและสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามก็ได้รับผู้สื่อข่าวไทย 5 คนที่เรียนภาษาเวียดนามและได้คะแนนดีที่สุดมาเยือนเวียดนามเพื่อเป็นรางวัล สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามแสดงความยินดีเพราะไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ในด้านวิชาชีพเท่านั้นหากยังครอบคลุมถึงการเรียนภาษาของทั้งสองฝ่ายเพื่อทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกมากขึ้น”
นาย ห่ามิงเห่ว อดีตอุปนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและที่ปรึกษาความสัมพันธ์ต่างประเทศของสมาคมฯ
|
กิจกรรมการแลกเปลี่ยน ขยายความร่วมมือและประชาสัมพันธ์ระหว่างสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้พัฒนาอย่างกว้างลึกมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากทั้งสองประเทศยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2013 ในโอกาสเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง เดินทางไปเยือนประเทศไทย นาย ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้เผยว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามมีหลายระดับ ระดับสมาพันธ์ที่รวมของหลายสมาคมมีความสัมพันธ์กว่า 20 ปีแล้ว ส่วนในช่วงระยะหลังก็มีการขยายตัวของความสัมพันธ์ มีทั้งความสัมพันธ์กับสมาพันธ์ สมาคมต่างๆที่อยู่ในสมาพันธ์ด้วย ตอนนี้ก็มีการขยายไปถึงสมาคมนักข่าวในจังหวัดต่างๆของเวียดนามกับจังหวัดต่างๆของประเทศไทย สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยมีหน้าที่จัดตั้งประชาคมอาเซียนในหลายระดับ หลักๆก็คือว่า เราเน้นให้ประชาชนมีความเข้าใจในเรื่องของประชาคมอาเซียน การที่ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจ มีโครงการต่างๆ เช่นโครงการอบรมความรู้เรื่องประชาคมอาเซียนให้กับสื่อมวลชน นักข่าวต่างๆ เราเชื่อว่า ถ้าประชาชนเข้าใจเรื่องประชาคมอาเซียน นักข่าวต้องมีความเข้าใจก่อนถึงจะเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจได้ นอกจากนี้ เราก็มีโครงการที่ให้นักข่าวได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมในประเทศอาเซียน ที่ผ่านมาก็มีการสอนภาษาในอาเซียน มีการสอนภาษาเวียดนามให้กับนักข่าวไทย หลังจากที่มีการสอนภาษาแล้ว เราก็เอาคนที่ได้คะแนนดีในชั้นมาดูงานในประเทศเจ้าของภาษาด้วย ในเวลาที่ผ่านมา มีนักข่าวไทย 5 คนมาดูงานเรียนรู้ที่เวียดนาม รวมทั้ง วีโอวี โทรทัศน์แห่งชาติ หนังสือพิมพ์ต๊วยแจ๋และหนังสือพิมพ์แทงเนียน นี่คือส่วนหนึ่งแลกเปลี่ยนที่เราทำให้นักข่าวมีความเข้าใจภาษา วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน”
ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจต่อการแลกเปลี่ยนคณะผู้สื่อข่าวในทุกระดับ
|
ในการประชุมสมัชชาใหญ่สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนครั้งที่ 18 ณ เวียดนาม สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือหรือ MOU บนเจตนารมณ์แห่งการขยายกิจกรรมร่วมมือ รวมทั้งการจัดการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมระหว่างกันซึ่งตามความเห็นของนาย ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นี่คือนิมิตหมายสำคัญแห่งความร่วมมือที่ใกล้ชิดและกว้างลึกมากขึ้นระหว่างสองฝ่าย “สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามได้ลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือหรือ MOU โดยเนื้อหาหลักๆก็คือมีการตอกย้ำความร่วมมือระหว่างทั้งสองสมาคม โดยเฉพาะในการแลกเปลี่ยนนักข่าว บรรณาธิการ มีการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในทุกระดับทั้งในระดับสมาพันธ์ สมาคม ระดับจังหวัดก็มีการขยายความสัมพันธ์ 2 คือมีการร่วมมือในเรื่องวิชาการ ในการอบรม นักข่าว การรายงานข่าวระหว่างทั้งสองประเทศให้มากขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเวียดนามกับประชาชนไทย โครงการสอนภาษา วัฒนธรรม นี่คือจุดเริ่มต้นในการร่วมมือกัน ผมคิดว่า ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ นอกจากเรื่องการแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสองประเทศแล้ว เราจะร่วมมือกันในการสร้างตัวสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียน รวมทั้งการนำไปสู่สร้างประชาคมอาเซียน ไปสู่ประชาคมที่สมบูรณ์ ประชาชนมีความรู้ มีความร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันในการที่จะทำให้อาเซียนกลายเป็นภูมิภาคที่สำคัญ มีบทบาทสำคัญในโลกและนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอาเซียน”
ผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยน ร่วมมือ บทความและผลงานด้านสื่อสารมวลชนที่ลงในสื่อต่างๆของแต่ละประเทศ สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้มีส่วนร่วมทำให้ประชาชนเวียดนาม-ไทยกระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้น ตลอดจนมีส่วนร่วมประชาสัมพันธ์การสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สันติภาพ เสถียรภาพและพัฒนา.