น้ำใจไมตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งไทยและเวียดนามในกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล “กีฬาเพื่อการกีฬาที่เสมอภาคและยั่งยืน”

Minh Ly
Chia sẻ
(VOVWORLD) -  นอกจากความสัมพันธ์ที่ดีงามด้านการเมือง การพัฒนาแบบก้าวกระโดดของความร่วมมือการค้าและการลงทุนแล้ว ไทยและเวียดนามยังให้ความสำคัญต่อการผลักดันการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน 
 

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้จัดพิธีส่งมอบเงินบริจาคจากกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล มูลค่า 95,800,000 ด่งให้แก่สมาคมพาราลิมปิกเวียดนาม เพื่อเป็นทุนในการจัดหาอุปกรณ์กีฬาให้แก่นักกีฬาผู้พิการ ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและภาคภูมิของผู้พิการในสังคมเท่านั้น หากยังแสดงให้เห็นถึงน้ำใจไมตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งไทยและเวียดนามอีกด้วย

น้ำใจไมตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งไทยและเวียดนามในกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล “กีฬาเพื่อการกีฬาที่เสมอภาคและยั่งยืน” - ảnh 1ภาพกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศลจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล “กีฬาเพื่อการกีฬาที่เสมอภาคและยั่งยืน”เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ 3 มิถุนายน โดยมีชุมชนชาวไทยและภาคเอกชนไทยในเวียดนาม ชุมชนชาวเวียดนามและภาคเอกชนเวียดนาม Friends of Thailand และนักกีฬาจากสมาคมพาราลิมปิกเวียดนาม เกือบ 100 คนเข้าร่วม  นาย ชัยพร สุปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทหุ้นส่วน Prime group สังกัดเครือบริษัท SCG รองประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมไทยในเวียดนาม (ThaiCham) และนาย เฉลิมชัย พรศิริปิยกูล ผู้อำนวยการฝ่าย International Corporate Affairs บริษัท Central Retail Vietnam ได้เผยว่า

 “เราได้แจ้งและประชาสัมพันธ์ให้กับภาคเอกชนทั้งในนามของบุคคลและในนามของบริษัทว่า จะมีการจัดกิจกรรมแข่งขันโบว์ลิ่งเพื่อระดมทุนให้ความช่วยเหลือสมาคมพาราลิมปิกเวียดนามไปซื้ออุปกรณ์กีฬา ซึ่งคนไทย บริษัทคนไทยที่ทราบข่าวก็ให้ความร่วมมือ มีทั้งบริจาคเงินเข้ามา สมัครแข่งขันโบว์ลิ่ง รวมทั้งมีหลายบริษัท ภาคเอกชนของไทยก็ช่วยสมทบบริจาคเงินมาให้ด้วยอีกส่วนหนึ่ง”

“กิจกรรมโบว์ลิ่งที่สถานเอกอัครราชทูตจัดถือเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่คนไทยพวกเราทุกคนได้ร่วมมือร่วมใจกันทำ ตอบแทนประเทศเวียดนาม ผมคิดว่า การที่เราเลือกสมาคมพาราลิมปิกถือว่าเป็นสมาคมที่ค่อนข้างดีและแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่า ทุกๆคนจะมีความแตกต่าง แต่ว่า ในฐานะที่เรามาทำธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม เราจะดูแลทุกคนเท่าเทียมกัน”

นาย หวิ่งหวิงอ๋าย ประธานสมาคมพาราลิมปิกเวียดนามได้เผยว่า การแข่งขันกีฬาของคนพิการเวียดนามมีมานานแล้ว โดยได้มีการส่งนักกีฬาไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาคตั้งแต่ปี 1989 ส่วนรัฐบาลไทยได้ให้ความสนใจส่งเสริมการกีฬาของคนพิการ รวมถึงการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ การแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์

“พวกเรารู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจต่อความคิดริเริ่มของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย เวียดนามและไทยมีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน มีความคล้ายคลึงกันด้านวัฒนธรรม รวมถึงน้ำใจไมตรีและการช่วยเหลือคนพิการและผู้ด้อยโอกาส พวกเราหวังว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยจะสนับสนุนและช่วยเหลือวงการกีฬาของคนพิการเวียดนามในรูปแบบต่างๆ”

น้ำใจไมตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งไทยและเวียดนามในกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล “กีฬาเพื่อการกีฬาที่เสมอภาคและยั่งยืน” - ảnh 2ผู้แทนที่เข้าร่วมพิธีส่งมอบเงินบริจาค (ภาพจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย)

ส่วนนางสาว มรกต เจนมธุกร อัครราชทูตได้เผยว่า ทุกปี ทางสถานเอกอัครราชทูตจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนที่หลากหลาย   ปีนี้   เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 31 ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตก็เลยมีความประสงค์ที่จะสนับสนุนการแข่งขันกีฬาของคนพิการเวียดนาม  

 “คนพิการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เราไม่ได้เห็นเขาเป็นผู้ที่เป็นภาระ แต่เราเห็นว่า คนพิการเป็นคนที่ยังมีความสามารถทำอะไรได้อีกหลากหลาย แล้วที่สำคัญคือเราต้องการให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง มีความเท่าเทียมกัน เสมอภาคและอยู่ได้ด้วย แล้วประเทศไทยเองในส่วนของวงการกีฬาของคนพิการก็มีความก้าวหน้าในระดับที่เราก็คิดว่า เป็นระดับที่ดีในการแข่งขันพาราลิมปิกของโลกเมื่อปีที่แล้ว ของไทยก็ได้เหรียญถึง 18 เหรียญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแข่งขันกรีฑา ก็เลยหวังว่า การสนับสนุนคนพิการให้มีโอกาสมันจะเป็นการสร้างพลังที่สำคัญมากๆคือพลังให้กับตัวเขาเองเพื่อที่เขาจะได้ทำเป็นพลังที่สำคัญให้กับสังคมต่อๆไป”

ทั้งนี้ กิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศล “กีฬาเพื่อการกีฬาที่เสมอภาคและยั่งยืน”ไม่เพียงแต่เชื่อมโยงและผลักดันการช่วยเหลือคนพิการเท่านั้น หากยังส่งเสริมความร่วมมือด้านการกีฬาและมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพระหว่างสองประเทศให้พัฒนาอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย.

คำติชม