ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการบริหารจัดการน้ำของอินโดนีเซีย

Trung Cuong - VOV
Chia sẻ

(VOVworld) – ศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียได้ยกเลิกกฎหมายทรัพยากรน้ำฉบับปี 2004 เพื่อเป็นพื้นฐานทางนิตินัยในการพัฒนารูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการผลิตและการบริหารจัดการน้ำเพื่อขยายจำนวนครอบครัวที่เข้าถึงน้ำประปาจากร้อยละ 25 ขึ้นเป็นร้อยละ 60 ภายในปี 2019


(VOVworld) – ศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียได้ยกเลิกกฎหมายทรัพยากรน้ำฉบับปี 2004 เพื่อเป็นพื้นฐานทางนิตินัยในการพัฒนารูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการผลิตและการบริหารจัดการน้ำเพื่อขยายจำนวนครอบครัวที่เข้าถึงน้ำประปาจากร้อยละ 25 ขึ้นเป็นร้อยละ 60 ภายในปี 2019
ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการบริหารจัดการน้ำของอินโดนีเซีย - ảnh 1
ภาพประกอบ (Photo baomoi.com)

หลังจากที่ใช้น้ำในบ่อน้ำมาเป็นเวลาหลายปี  นาย อานดี นีร์วานโต ชาวบ้านเมือง ตาเงอรัง จังหวัดบันเตน ประเทศอินโดนีเซียได้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้น้ำประปาแทน ซึ่งเขาได้ยื่นคำร้องขอใช้น้ำประปานานพอสมควรและยังไม่ได้รับคำตอบจากบริษัทจัดสรรค์น้ำประปา เรื่องนี้ถือเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับการให้บริการที่ล่าช้าและไม่เป็นมืออาชีพของบริษัทน้ำประปาซึ่งเป็นบริษัทของรัฐในอินโดนีเซีย
ด้วยเหตุนี้เมื่อเร็วๆนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียได้ยกเลิกกฎหมายทรัพยากรน้ำฉบับปี 2004 และตามเอกสารฉบับใหม่ๆที่ใช้แทนกฎหมายฉบับดังกล่าว การเข้าถึงน้ำประปาถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้น ปัจจุบันนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังพิจารณาและผลักดันรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการผลิตและให้บริการน้ำประปาเพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายจำนวนครอบครัวที่เข้าถึงน้ำประปาจากร้อยละ 25 ขึ้นเป็นร้อยละ 60 ภายในปี 2019 โดยบริษัท อาแอตรา แอ ตาเงอรัง ถือเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จของการปฏิบัติรูปแบบความร่วมมือดังกล่าว โดยสูบน้ำจากแม่น้ำ Cisadane จำนวน 900 ลิตรต่อวินาทีแล้วกรองให้สะอาดเพื่อให้ 72,000ครอบครัวและบริษัท 560 แห่งได้ใช้น้ำประปา  นายอุนตัง ซูรีอาดี ผู้อำนวยการบริษัท อาแอตรา แอ ตาเงอรัง เผยว่า “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนคือความร่วมมือระหว่างผู้ที่สนับสนุนการบริการสาธารณะเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนตามนโยบายกับสถานประกอบการภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจเพื่อให้ได้กำไรที่ชอบธรรม ซึ่งเมื่อผลประโยชน์ได้รับการค้ำประกันสถานประกอบการก็พร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการเกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ”
เพื่อค้ำประกันให้ประชาชนอินโดนีเซียสามารถเข้าถึงน้ำประปา นอกจากความพร้อมของสถานประกอบการเอกชนแล้วบทบาทของรัฐบาลก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก นาย ตามิน ชาการีอา อามิน อธิบดีกรมพัฒนาระบบการจัดการน้ำอินโดนีเซียย้ำว่า ภารกิจนี้ต้องการการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากผู้บริหารระดับท้องถิ่นและทุกภาคส่วน “สิ่งที่สำคัญคือต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารท้องถิ่นเพราะว่า บริษัทภาครัฐมีโอกาสประกอบธุรกิจมากแต่ไม่สามารถใช้โอกาสได้ ส่วนบริษัทภาคเอกชนไม่มีโอกาสมากให้ความสนใจเข้าร่วม”
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียยกเลิกกฎหมายทรัพยากรน้ำดังกล่าว มติใหม่เกี่ยวกับการให้บริการน้ำจะได้ประกาศในเดือนพฤษภาคมนี้โดยกระทรวงโยธาธิการและการเคหะอินโดนีเซีย และบรรดาบริษัทภาคเอกชนกำลังรอคอยโอกาสที่จะได้เข้าร่วมการให้บริการน้ำประปาในเวลาข้างหน้า./.

คำติชม