(VOVworld) - “พวกเรามีความประสงค์ที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยของนักศึกษาเวียดนามที่ศึกษาภาษาไทยทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงภาคเหนือ ภาคกลางและภาคใต้” นี่คือคำยืนยันของน.ส.ดลลดา ทองบุญ เลขานุการเอกของสถานทูตไทยประจำเวียดนาม หัวหน้าคณะตรวจสอบการประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยครั้งที่ 4 ประจำปี 2015 ที่มีขึ้น ณ กรุงฮานอยเมื่อกลางเดือนที่แล้วภายใต้หัวข้อ “ฉันอยากบอกคนไทยว่า...”

 “ผมอยากบอกกับคนไทยว่า ผมประทับใจตั้งแต่ความรักชาติ กษัตริย์ ไปจนถึงรอยยิ้มมาพร้อมกับการไหว้ของคนไทย ซึ่งสร้างเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยที่มีความโดดเด่น สวยงาม ไม่แพ้ชาติใดในโลกขึ้นมา..............”

ผู้ชมกว่า 200 คนในอาคารอีของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยกำลังปรบมือชื่นชมบทสุทรพจน์ภาษาไทยของคุณหวิ่งมิงห์เหญิด นักศึกษาปีที่สองของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ โดยคุณเหญิดได้เริ่มการเรียนภาษาไทยเมื่อ 4 ปีก่อนในขณะที่ยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายเตี่ยนยาง โดยในช่วงแรก เขาได้เรียนเองผ่านเว็ปไซต์สอนภาษาไทยคือ speakingthai.com และ learnthai.com ซึ่งการเรียนในช่วงนั้นไม่ประสบความสำเร็จแต่หลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัยและเลือกเรียนภาษาไทยเป็นวิชาโทเขาก็สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนการเข้าร่วมการประกวดในวันนี้ก็เพื่อเป็นโอกาสให้เขาพูดกับคนไทยว่า เขารักคนไทยมาก “ผมอยากบอกกับคนไทยทุกคนว่า ผมรักคนไทยมากขนาดไหนเพราะว่า ถ้าผมยังเป็นคนธรรมดาฯ ไม่ว่าผมรักประเทศไทยขนาดไหน ผมเป็นหนี้บุญคุณของคนไทยและอยากขอบคุณเขาขนาดไหน ผมก็คงไม่มีโอกาส แต่ถ้าได้รับรางวัล ผมคิดว่า ผมจะบอกได้ว่า ผมรักและขอบคุณคนไทยมากครับ”

หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยมา 3 ครั้ง การประกวดสุทรพจน์ภาษาไทยครั้งที่ 4 ประจำปี 2015 ได้รับความสนใจจากนักศึกษาของมหาวิทยาลัย 5 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วม ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย มหาวิทยาลัยฮานอย มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ฮานอย มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์และมหาวิทยาลัยดานัง  ภายใต้หัวข้อ “ฉันอยากบอกคนไทยว่า ...” การประกวดรอบแรกได้รับบทความเข้าร่วมกว่า 60 บทความ และได้คัดเลือก 19 คน เพื่อเข้าร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ดังนั้นทุกคนที่เข้าร่วมการประกวดในวันนี้ต่างรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจมาก ดังคำกล่าวของน.ส.ทวา ซึ่งเป็นนักศึกษามาหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยและน.ส. จาง ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮานอย “นี่คือการประกวดที่หนูรอมานานแล้ว ตั้งแต่ขณะที่หนูเริ่มเรียนภาษาไทยในมหาวิทยาลัย หนูคิดว่าโชคดีมากที่ได้เข้าการประกวดรอบชิงชนะเลิศเพราะว่า การประกวดนี้ไม่ได้ถูกจัดขึ้นในทุกๆปี  สองสามปีจะจัดหนึ่งครั้ง”

ในการให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกวดและทักษะความสามารถของนักศึกษา อาจารย์เหงียนเตืองลาย อาจารย์สอนภาษาไทยของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยได้เผยว่า “อาจกล่าวได้ว่า นักศึกษาที่เข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ล้วนมีความรักต่อภาษาไทย รวมทั้งคนไทยและประเทศไทย จนพยายามศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษา ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย นอกจากการเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว นักศึกษาทุกคนมักจะหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและจากหนังสือ ซึ่งน่าชื่นชมมากเพราะว่าจากการที่พวกเขาไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ แต่ปัจจุบันนักศึกษาเหล่านี้สามารถกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยได้แล้ว”

ส่วนน.ส.แทงมาย ผู้ชมงานจากมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยกล่าว่า “หนูคิดว่า หากเข้าเรียนภาคภาษาไทยในมหาวิทยาลัย นักศึกษาทุกคนจะมีความหลงไหลในประเทศไทยจนมีความรู้มากมายเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย เมื่อพูดคุยกับเพื่อนมิตรที่เรียนภาษาไทย หนูเห็นว่า เพื่อนๆมีความรักอย่างจริงจังต่อประเทศไทย ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองและภาษาไทยก็เป็นภาษาที่สองของพวกเขา”

หลังจากที่ได้รับการจัดขึ้นมาหลายครั้ง การประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยได้มีส่วนร่วมผลักดันและพัฒนาการสอนภาษาไทยและการศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยในเวียดนาม นี่ก็คือความปรารถนาของน.ส.ดลลดา ทองบุญ เลขานุการเอกของสถานทูตไทยประจำเวียดนาม หัวหน้าคณะตรวจสอบการประกวดครั้งนี้“คาดหวังว่า ผลตอบรับจากการจัดการประกวดครั้งนี้จะส่งผลหรือกระตุ้นความอยากรู้อยากเรียนภาษาไทยในหมู่นักศึกษาที่เขามีพื้นฐานในภาษาไทยบ้างแล้วที่กำลังจะจบการศึกษา หวังว่านักเรียนเมื่อได้พัฒนาทักษะภาษาไทยแล้วจะเป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งตอนนี้กำลังจะเปิดประชาคมอาเซียนและมีบริษัทไทยเข้ามาลงทุนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก ที่ต้องการคนเวียดนามที่รู้ภาษาไทยเพื่อให้ทำงานได้ทั้งสองภาษาและรู้เกี่ยวกับตลาดท้องถิ่น””

ถึงเวลาเที่ยงวัน การประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยได้เสร็จสิ้นลงโดยรางวัลที่หนึ่งพร้อมกับจำนวนเงิน 10 ล้านด่งเป็นของคุณหวิ่งมิงห์เหญิด นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลที่ 2 หนึ่งรางวัล รางวัลที่ 3 หนึ่งรางวัลและรางวัลชมเชย 5 รางวัลให้แก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีก 4 แห่ง................../.