(VOVworld) – คุณ ปานอม ชาวลาวอายุ 31 ปีเพิ่งผ่านการผ่าตัดแยกเนื้องอกในมดลูก ขนาด 6 เซนติเมตรได้กว่า 1 เดือน หลังจากสุขภาพดีขึ้น คุณ ปานอมได้เริ่มกลับไปทำงานและรู้สึกยินดีหลังจากการผ่าตัดประสบความสำเร็จเพราะในการตรวจรักษาโรคที่เวียดนาม เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากแพทย์ทุกคนซึ่งทำให้เธอรู้สึกว่า การตัดสินใจมาผ่าตัดในเวียดนามเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
คุณ ปานอม |
คุณ ปานอม ทราบว่า มีเนื้องอกในมดลูกเมื่อครึ่งปีก่อนซึ่งเนื้องอกในมดลูกยังมีขนาดเล็กและสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิต ตอนที่ไปตรวจที่ประเทศลาวและไทย คุณ ปานอมทราบว่า เนื้องอกในมดลูกอยู่ในจุดที่ซับซ้อน และวิธีเดียวคือต้องตัดมดลูก คุณ ปานอม มีลูกแล้ว 2 คนทั้งลูกชายและลูกสาว แต่เนื่องจากอยากมีลูกอีก คุณ ปานอม จึงหาวิธีอื่นๆและในการไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งของลาว คุณ ปานอม ได้รับคำแนะนำให้มาตรวจรักษาที่โรงพยาบาล Saint Paul ของเวียดนาม “แพทย์เสนอ 2 ทางเพื่อรักษาโรคของดิฉัน 1คือผ่าตัดส่องกล้องเพื่อลดขนาดของเส้นเลือดที่เลี้ยงเนื้องอก 2คือผ่าตัดมดลูกผ่านกล้องเพื่อแยกเนื้องอก ดิฉันเห็นว่า แผนการที่ 2 มีโอกาสสำเร็จมากกว่า และพักฟื้นในโรงพยาบาลแค่ 5 วันเท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน ดังนั้นดิฉันจึงตกลงแผนการนี้
หลังจากกรอกแบบฟอร์มเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 วัน แพทย์ใช้เวลาทำการผ่าตัด 4 ชั่วโมงซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ในช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาล บรรดาแพทย์ได้ให้กำลังใจและดูแลเป็นอย่างดีจึงทำให้คุณ ปานอม และครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งใจมาก“พยาบาลยิ้มแย้มตลอดเวลาตอนที่ฉีดยาและให้คำปรึกษาแก่ดิฉัน แพทย์ตรวจร่างกายฉันวันละ 2 ครั้ง ดิฉันรู้สึกมีความสุขต่อการดูแลของแพทย์และพยาบาล”
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้อยู่ที่ 27 ล้านด่งหรือ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถึงแม้ค่าใช้จ่ายนี้จะแพงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดธรรมดาในประเทศลาว แต่คุณ ปานอมก็รู้สึกว่า คุ้มค่ามาก
นาย ทองแก้วและครอบครัว
|
ไม่เพียงแค่คุณปานอมเท่านั้น หากชาวลาวหลายคนก็ได้เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อมาตรวจรักษาโรคอีกด้วย รวมทั้งคุณ ทองแก้ว อายุ 33 ปีที่มีอาการหลอดเลือดที่ขาอุดตันจนเดินไม่ได้ นาย ทองแก้ว ได้ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเสนารักษ์ 108 ที่เวียดนาม“ก่อนมาเวียดนาม ผมได้ตรวจรักษาอาการป่วยแล้ว 2 สัปดาห์ เสียค่ารักษาเป็นเงิน 5 พันดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ไม่เป็นผล ผมยังคงปวดขาและเดินไม่ได้ แต่เมื่อมารักษาที่เวียดนามเป็นเวลา 18 วัน ผมสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง ปัจจุบัน ผมสามารถเล่นกีฬาได้ส่วนที่เวียดนามเสียค่ารักษาเพียง 1 พันดอลลาร์สหรัฐและยาที่ใช้ก็เหมือนกัน นอกจากนั้น แพทย์เวียดนามก็ให้การดูแลเป็นพิเศษต่อชาวลาวซึ่งเป็นพี่น้องกัน”
ผู้ป่วยชาวลาวที่เดินทางมากรุงฮานอยเพื่อรักษาอาการป่วยมักจะเลือกโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง เช่นโรงพยาบาลเสนารักษ์ 108 โรงพยาบาลแบกมาย โรงพยาบาลเวียดดึ๊กและโรงพยาบาลแม่และเด็ก นายแพทย์ เกื่อง หัวหน้าทีมผ่าตัดให้แก่คุณ ปานอม ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้ผู้ป่วยชาวลาวมารักษษอาการป่วยที่เวียดนามว่า“1คือ แพทย์เวียดนามมีทักษะฝีมือดี ติดแถวหน้าของภูมิภาค เทียบเท่าสิงคโปร์ แต่ค่ารักษาถูกกว่าอย่างน้อย 6 เท่า ผู้ป่วยที่มารักษาในเวียดนามส่วนใหญ่เป็นโรคเนื้องอก โรคทางสูติกรรมและโรคระบบทางเดินปัสสาวะ นอกจากรักษาโรคแล้ว ชาวลาวหลายคนยังเดินทางมาเวียดนามเพื่อตรวจร่างกายประจำด้วย”
ค่าตรวจรักษาโรคที่ไม่แพงและแพทย์มีทักษะฝีมือดีคือเหตุผลที่ทำให้ผู้ป่วยชาวลาวหลายคนเลือกเวียดนามเป็นสถานที่ตรวจรักษาโรค โดยข้อมูลสำนักงานสาธารณสุขฮานอยได้ระบุว่า เมื่อปี 2015 มีผู้ป่วยชาวลาวกว่า 300 คนมาตรวจรักษาโรคในโรงพยบาลใหญ่ๆในกรุงฮานอย เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2014.