เกษตรกรจำนวนมากในตำบลบิ่งห์เหล่ย เขตบิ่งห์แจ๊งห์ นครโฮจิมินห์ ต้องประสบอุปสรรคในการปลูกอ้อยเนื่องจากปัญหาดินเปรี้ยว ทำให้หันมาปลูกดอกเหมยในช่วงที่ราคาอ้อยตกต่ำอย่างหนัก โดยมีการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนท้องถิ่นเพื่อใช้ในการขยายพื้นที่ปลูก ซึ่งสร้างรายได้หลายพันล้านด่งต่อปี โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ กลุ่มครัวเรือนที่ปลูกดอกเหมยนั้นมีรายได้ราว 200 ถึง 300 ล้านด่งจากการจัดหาต้นอ่อนหรือต้นดอกเหมยที่พร้อมใส่กระถางสู่ตลาด
นอกจากนั้น ตำบลบิ่งห์เหล่ย ยังขึ้นชื่อเรื่องหมู่บ้านเลี้ยงปลาสวยงามและสวนกล้วยไม้ขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งในนั้น การเลี้ยงปลาคาร์ฟพันธุ์เวียดนามแท้ถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ชาวบ้านที่นี่ด้วยการส่งออกไปยังญี่ปุ่นและบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในช่วงปีใหม่ กลุ่มครัวเรือนที่ปลูกดอกเหมยนั้นมีรายได้ราว 200 ถึง 300 ล้านด่ง
|
จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้านการเกษตรและการส่งเสริมอาชีพให้มีความหลากหลายพร้อมการลงทุนให้แก่โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ได้มีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจการบริการของเขตบิ่งห์แจ๊งห์ ซึ่งทำให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีและมั่นคงมากขึ้น นาย เหงวียนมิงห์หว่าง ประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลบิ่งห์เหล่ย เขตบิ่งห์แจ๊งห์ นครโฮจิมินห์ เผยว่า
“ทางการปกครองส่วนท้องถิ่นจะพิจารณาการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับมาตรฐานชนบทใหม่ โดยแนวทางการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชนบทให้กลายเป็นเขตเมืองนั้นได้ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและกิจกรรมท่องเที่ยวบ้านสวน”
เขตบิ่งห์แจ๊ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ประตูเข้าสู่นครโฮจิมินห์ทางทิศใต้ มีประชากรประมาณ 850,000 คน และเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี ส่วนใหญ่อาศัยในตำบลหวิงโหลก A และหวิงโหลก B รวมถึงแหล่งพื้นที่จัดเก็บเศษเหล็กกว่า 160 แห่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างรุนแรง ที่นี่ได้บรรลุมาตรฐานชนบทใหม่ 18 ข้อจากทั้งหมด 19 ข้อเมื่อปี 2015 แต่กว่าที่จะได้รับการรับรองเป็นตำบลที่บรรลุมาตรฐานชนบทใหม่อย่างสมบูรณ์นั้นก็ต้องรอจนถึงปี 2020 ที่พื้นที่ทั้งสองแห่งดังกล่าวสามารถผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม รายได้ต่อหัวประชากรของเขตในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 70 ล้านด่ง เพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2010 และเหลือครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 28 ล้านด่งต่อต่อปี เพียง 534 ครอบครัว นาง เจิ่นถิหงอกถาว อาศัยในตำบลดาเฟือก เขตบิ่งห์แจ๊ง เผยว่า
“ชาวบ้านที่นี่ให้การสนับสนุนโครงการสร้างสรรค์ชนบทใหม่อย่างเต็มที่ เพราะเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกเขาอย่างมาก เนื่องจากถนนหนทางได้รับการปรับปรุง ซึ่งช่วยให้การเดินทาง การขนส่งและการค้าขายมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางการนครโฮจิมินห์ยังได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนเงินทุนและการบริโภคสินค้ารวมถึงการแก้ไขปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย”
เขตบิ่งห์แจ๊ง มีประชากรประมาณ 850,000 คน และเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี
|
เขตบิ่งห์แจ๊งเป็นท้องถิ่นที่ได้รับการแนะแนวให้พัฒนาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หัตถกรรม การค้า รวมถึงเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคในพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของนครโฮจิมินห์ ซึ่งปัจจุบัน ที่นี่มีสถานประกอบการราว 25,000 แห่ง ธุรกิจครัวเรือนกว่า 17,000 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมรวม5 แห่งโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่กว่าร้อยละ 20.5 ในระยะปี 2016-2020 ซึ่งในนั้น ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 21 ต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงแผนการวางผังเขตที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบ ขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรวมถึงอุตสาหกรรมเฉพาะทางต่างๆ วางผังพื้นที่ผลิตเกษตรในเมืองและการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เชื่อมโยงกับศูนย์ค้าส่ง ระบบคลังสินค้าที่ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่เชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียงต่างๆ เพื่อรองรับแผนการพัฒนาเป็นตัวเมือง นาย ฝ่ามวันหลว รักษาการประธานคณะกรรมการประชาชนเขตบิ่งห์แจ๊ง เผยว่า
“สำหรับพื้นที่ชนบทที่ได้รับการลงทุนในช่วเวลาที่ผ่านมา ต้องรักษาผลสำเร็จต่างๆ ให้ได้ นอกจากนี้ ต้องระดมแหล่งเงินทุนและทรัพยากรต่างๆ จากประชาชนและภาคเอกชนสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและบ้านเอื้ออาทรเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นภารกิจแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาเขตบิ่งห์แจ๊ง อย่างยั่งยืนในเวลาอันใกล้นี้”
ทั้งนี้ การสร้างสรรค์ชนบทใหม่ทั้งในเขตบิ่งห์แจ๊งและนครโฮจิมินห์ต่างมีลักษณะเฉพาะของแต่ละพื้นที่ โดยการบรรลุเป้าหมายชนบทใหม่ของเขตบิ่งห์แจ๊งนั้นมีความหมายที่สำคัญต่อการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมทั้งเป็นพื้นฐานสำหรับการทบทวนและปรับปรุงกลไกเศรษฐกิจ รวมถึงแนวทางการเกษตรตัวเมืองควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.